Skip to main content
sharethis

"ในความรู้สึกส่วนตัวแล้ว พี่น้องมุสลิมนั้นเป็นคนดีมาก ยังจำได้สมัยเป็นปลัดอำเภอหัวหน้ากิ่ง อ.จะแนะ จ.นราธิวาส ตนได้รับความช่วยเหลือจากชาวบ้านมาโดยตลอด…" นั่นคือเสียงของ นายสุนทร ฤทธิภักดี รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เอ่ยกับเรา "ทีมงานประชาไทสัญจร" เมื่อครั้งไปเยือนปัตตานี เมื่อช่วงวันที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา…

 

เช้าวันนั้น…เราได้นัดประชุมร่วมกับชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจฯ โดยมีนายเชิดพันธ์ ณ สงขลา ผู้ว่าราชการปัตตานี นายสุนทร ฤทธิภักดี รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี พลตรี ฟ้อย รักเรือง ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคง ผวจ.ปัตตานี นายธีระ มินทราศักดิ์ ปลัดจังหวัดปัตตานี พล.ต.ต.ธนเจริญ สุวรรณโณ ผกก.ตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี และ รตอ.เสรี บัวขุน หน.ชุดกองกำลังเฉพาะกิจ เข้าร่วมแถลงข่าว ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดปัตตานี

ในช่วงหนึ่ง นายสุนทร ฤทธิภักดี รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ได้กล่าวด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่นและจริงจังว่า สถานการณ์ภาคใต้ในตอนนี้ ได้ถูกกล่าวถึงและมีการตั้งคำถามกันมาโดยตลอดว่า…มีการคิดแบ่งแยกดินแดนจริง หรือไม่…ซึ่งเบื้องหลังจริงๆ นั้น อาจมีหลายสาเหตุ แต่คนที่ได้รับเคราะห์กรรมนั้นคือชาวบ้าน โดยเฉพาะเยาวชน ดังนั้น เราต้องทำงานในเชิงรุก มีการลาดตระเวน เฝ้าตรวจระวัง ใช้การเมืองนำการทหาร

"เราจะแก้ปัญหาได้ หากได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะพี่น้องในชุมชน ต้องช่วยกันสอดส่องดูแล" นายสุนทร กล่าว

และเมื่อมีการถูกถามถึงเรื่อง ระบบการศึกษาของคนมุสลิม นายสุนทร ได้กล่าวว่า จริงๆ แล้ว ปอเนาะ ที่ดีๆ ก็มีเยอะ และเรากำลังพยายามให้ความสำคัญกับระบบการศึกษาของมุสลิม ไม่ว่าจะเป็น ตาลีกา ปอเนาะ หรือ ราษฎร์สอนศาสนาอิสลาม รัฐพยายามให้มีการจัดระบบ มีการลงทะเบียน อบรมครูสอน ซึ่งเป็นคนหนุ่มสาวในหมู่บ้าน และรัฐมีค่าตอบแทนให้

"ในความรู้สึกส่วนตัว พี่น้องมุสลิมเป็นคนดีมาก เพราะชีวิตผมวนเวียนอยู่กับพี่น้องมุสลิมมาโดยตลอด ตั้งแต่เมื่อครั้งเป็น ปลัดอำเภอตากใบ เป็นปลัดอำเภอหัวหน้ากิ่ง อ.จะแนะ จ.นราธิวาส ชาวบ้านที่นั่นน่ารัก และให้ความช่วยเหลือผมจนเหมือนกับเป็นญาติคนหนึ่ง…" นายสุนทร เอ่ยกับเรา

ใช่…นายสุนทร ฤทธิภักดี ได้ใช้ชีวิตวนเวียนอยู่กับพี่น้องมุสลิมมายาวนาน และยังเคยดำรงตำแหน่ง ป้องกันจังหวัดนราธิวาส เป็นนายอำเภอปะนาเระ จ.ปัตตานี เป็นนายอำเภอสิงหนคร จ.สงขลา เป็นนายอำเภอเมืองหาดใหญ่ จ.สงขลา และที่นั่น เขาได้รับรางวัลนายอำเภอแหวนเพชร ต่อมาได้ย้ายไปรักษาการปลัดจังหวัดนราธิวาส และกลับไปเป็นนายอำเภอยี่งอ นายอำเภอศรีสาคร จ.นราธิวาส ต่อจากนั้น ได้ขึ้นเป็นปลัดจังหวัดนราธิวาส เมื่อปี 2544 เป็นปลัดจังหวัดสงขลา เมื่อปี 2546

จนกระทั่งได้ย้ายมาเป็น รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2547 ซึ่งหลายคนกล่าวขวัญกันว่า เป็นขุนพลคู่ใจ ของนายเชิดพันธ์ ณ สงขลา ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เพื่อร่วมกันดูแลควบคุมสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดปัตตานี

"หากจะพูดตรงๆ แล้ว ปัญหาชายแดนภาคใต้ในขณะนี้ ระบุได้ว่า 69% คือกลุ่มชาวบ้าน เยาวชนที่มีความบริสุทธิ์ 30% นั้นทำงานและเคยทำงานร่วมกับรัฐ และมีเพียง 1% เท่านั้นที่เป็นผู้ร้ายจริงๆ และเราไม่รู้ตัว ซึ่งเราพยายามเข้าไปทำความเข้าใจและชี้แจง เพื่อให้ร่วมมือกันเพื่อยุติการฆ่ารายวันให้ได้" เขาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง…

…เมื่อเราถามการทำงาน การปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงภัยเช่นนี้ ไม่หวาดหวั่นกันบ้างหรือ…

"มันเป็นเรื่องปกติ เพราะชินกับเรื่องเหล่านี้มานานแล้ว…แต่เราก็ต้องมีการเพิ่มความระมัดระวัง ตัวเอง และทุกสัปดาห์เรามีการประชุมเพื่อวางแผนเตรียมรับมือกับเหตุการณ์" นายสุนทร กล่าว

2.
00.30 น. ของวันที่ 23 พฤศจิกายน 2547 นายสุนทร ได้เดินทางไปตรวจจุดเกิดเหตุคนร้ายลอบยิงชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน(ชรบ.) บริเวณหน้า ร.ร.บ้านท่ากุน ม.5 ต.ตะโล๊ะกาโปร์ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ในห้วงขณะนั้น มีเสียงแผดก้องดังขึ้น พร้อมกับลูกกระสุนปริศนา 1 นัด เจาะเข้าบริเวณสะโพกพุ่งทะลุเข้าหน้าท้องของนายสุนทร ได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาถูกรีบนำตัวส่งเข้าโรงพยาบาลปัตตานี ก่อนถูกนำตัวเข้าโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

เบื้องต้นหลายฝ่าย ต่างกล่าวสันนิษฐานกันว่า กระสุนปืนที่ลั่นมาจากอาวุธปืน เอ็ม 16 ของเจ้าหน้าที่ อส.ชุดติดตามรักษาความปลอดภัยให้รองผู้ว่าฯ แต่เจ้าหน้าที่ อส. ได้แสดงความบริสุทธิ์ พร้อมยืนกรานไม่ได้ทำปืนลั่น…

ในนสพ.มติชน ฉบับวันที่ 8 ธันวาคม 2547 บอกว่า แหล่งข่าวจากหน่วยข่าวกรอง เปิดเผยว่า กระสุนปริศนาที่ยิงนายสุนทรนั้น ได้มีการนำปืนของ อส.จ.ปัตตานี และ อส.อ.ยะหริ่ง ไปทำการตรวจสอบ พบว่า กระสุนปืนเอ็ม 16 ที่ยิงนายสุนทร ไม่ใช่ปืนของ อส. และในขณะที่ทหารชุด ฉก.ปน.ที่อยู่ในที่เกิดเหตุ 30 นาย ส่งปืนให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์เพียง 13 กระบอก ส่วนที่เหลือมีการอ้างว่า ต้องใช้ปฏิบัติหน้าที่ ทำให้คดีไม่มีความคืบหน้า และมีความพยายามจากผู้ใหญ่ที่จะให้ อส.จ.ปัตตานี รับว่าเป็นผู้ทำปืนลั่น แต่ อส.จ.ซึ่งเป็นผู้ติดตามนายสุนทร ไม่ยินยอม

"นายสุนทร ถูกแนวร่วมขบวนการแบ่งแยกดินแดน ลอบยิงจากหลังโรงเรียนที่เกิดเหตุ แต่หลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ออกมาพูดว่า ปืนลั่น ทำให้เจ้าหน้าที่ทุกคน ไม่กล้าพูดออกมาว่า เป็นการถูกลอบยิง"

6 ธันวา 2547 นายสุนทร ฤทธิภักดี รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เสียชีวิตแล้ว…เมื่อเวลาประมาณ 16.20 น. ที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา หลังเกิดอาการแผลผ่าตัดติดเชื้ออย่างรุนแรง…

นายสุนทร ฤทธิภักดี ได้จากไปด้วย"กระสุนปืนปริศนา" และ"จากแผลผ่าตัดที่ติดเชื้ออย่างรุนแรง" ท่ามกลางความคลางแคลงใจ ของญาติพี่น้องและคนทั่วประเทศ…

3.
เรายังจดจำภาพ สีหน้า คำพูดของนายสุนทร ฤทธิภักดี รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ที่มีความมุ่งมั่นกับหน้าที่การงาน จริงจังและจริงใจ ต่อผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชา แม้กระทั่งกับสื่อมวลชนที่ลงพื้นที่ และภาพของนายสุนทร พร้อมภริยา นั่งรับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน ในโรงแรมใจกลางเมืองปัตตานี วันนั้น…กลายเป็นภาพสุดท้าย เป็นภาพแห่งความทรงจำของเรา

องอาจ เดชา

ทีมงานประชาไทสัญจร รายงาน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net