ประชาไท-16 ธ.ค. นายสุวรรณ ชูเชิด อายุ 65 ปี บ้านทุ่งค้อ อ.นาหม่อม จ.สงขลา ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อเวลาประมาณ 02.00 น.ของคืนที่ผ่านมา ถนนสายเอเชียหมายเลข 43(สงขลา-ปัตตานี) ได้ยุบตัวลงเป็นหลุมขนาดใหญ่ โดยปากหลุมกว้างประมาณ 5 ตารางเมตร ความลึกประมาณ 15 เมตร ในหลุมเป็นโพรงกว้างประมาณ 20 ตารางเมตร

นายสุวรรณกล่าวต่อว่า ใกล้บริเวณที่ถนนยุบลงไปเป็นร้านขายของกลุ่มพัฒนาอาชีพ หมู่ 2 บ้านทุ่งค้อ ซึ่งเป็นพื้นที่ขุดเจาะเพื่อวางท่อส่งก๊าซ โครงการท่อส่งก๊าซและโรงแยกก๊าซไทย-มาเลเซีย ตามแนวถนน

นายสุวรรณกล่าวต่อว่าก่อนหน้านี้ได้มีการใช้หัวเจาะ ขุดลงไปในดินและฉีดสารเบนโทไนต์ไปพร้อมกัน ทั้งนี้สารเบนโทไนต์ที่ฉีดเพื่อใช้ย่อยสลายดินให้อ่อนยุ่ย แต่ขณะที่ดำเนินการนั้น แท่นเจาะดินดังกล่าว ขุดไปเจอแท่นหินขนาดใหญ่จึงไม่สามารถขุดเจาะต่อไปได้ สารเบนโทไนต์จึงไหลนองบริเวณที่ขุดเจาะ

"สารเบนโทไนต์น่าจะเป็นสาเหตุให้ดินบริเวณนั้นอ่อนยุ่ยและยุบตัวลงเป็นโพรง" นายสุวรรณกล่าวและว่า ตอนช่วง 9.00 น.มีชาวต่างชาติหลายคนพร้อมทั้ง เจ้าหน้าที่ซ่อมแซมทางหลวง ได้มาถึงที่เกิดเหตุโดยขนเอาเครื่องจักร เช่นรถเบ็คโฮ รถบดถนน และรถบรรทุกดิน และมีการขึงผ้าใบกั้นบริเวณที่ยุบตัว

นายสุวรรณกล่าวต่อว่า ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรอำนวยความสะดวกในการปิดถนน ทั้งนี้ถนนสายเอเชียดังกล่าวมี 4 เลน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรได้ปิดถนนตรงที่เกิดเหตุทำให้มีเส้นทางรถวิ่งผ่านไปมาระหว่างสงขลา-ปัตตานี ได้เพียง 3 เลน

"การขุดดินเพื่อวางท่อก๊าซไทย-มาเลเซีย สร้างความเสียหายให้กับชาวบ้านเพราะเส้นทางวางท่ออยู่ใกล้บริเวณชุมชนซึ่งเป็นที่ตั้งบ้านเรือนของชาวบ้าน ที่ผ่านมาบ้านการวางท่อก๊าซทำให้บ้านชาวบ้านร้าวอีกทั้งสารเบนโทไนต์ที่ว่าก็เคยไหลปะปนในแหล่งน้ำที่ชาวบ้านใช้อีกด้วย และมาครั้งนี้ยังส่งผลให้เกิดหลุมดำขนาดใหญ่อีกด้วย" นายสุวรรณกล่าว

ก่อนหน้านี้ชาวบ้านในพื้นที่ อ.นาหม่อม ใกล้กับแนววางท่อก๊าซไทย-มาเลเซีย เคยร้องเรียนเรื่องบ้านเกิดการร้าวเนื่องจากแรงสะเทือนของหัวเจาะ อีกทั้งสารเบนโทไนต์ซึ่งใช้ในการละลายดินและหล่อลื่นหัวเจาะไหลลงแหล่งน้ำใช้ของชาวบ้าน และไหลลงลำน้ำสาธารณะทำให้ไม่สามารถใช้น้ำในการอุปโภคบริโภคได้

ศิริรัตน์ อนันต์รัตน์
ประชาไทรายงาน