ศูนย์ข่าวภาคเหนือ-21 ธ.ค.47 ที่ห้องประชุม รร.โนโวเทล เชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ กลุ่มชาติพันธุ์บนพื้นที่สูงแห่งประเทศไทย ร่วมกับภาคีสากลชนเผ่าพื้นเมืองในป่าเขตร้อน จัดอบรมให้ความรู้ด้านกฎหมาย และสิทธิมนุษยชนให้แก่กลุ่มชนเผ่าที่ได้รับผลกระทบจากการถูกละเมิดสิทธิ โดยได้นำเอาแนวทางการแก้ไขปัญหาระหว่างชนเผ่ากับรัฐ ในระดับนานาชาติมาปรับใช้
นายจรัล ดิษฐาวิชัย กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติกล่าวว่า ตั้งแต่มีการใช้รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540 ขึ้นมา ภาพของเรื่องสิทธิมนุษยชนของไทยนั้นดูดีมากในสายตาชาวโลก มีการพูดกันว่าจะให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านสิทธิมนุษยชน แต่ปรากฏว่า เมื่อพรรคไทยรักไทยได้เข้ามาเป็นรัฐบาล มีการใช้ความรุนแรงมากที่สุด ตั้งแต่มีนโยบายการปราบปรามยาเสพติดและผู้มีอิทธิพล รวมไปถึงเรื่องภาคใต้ รัฐบาลทักษิณได้กลายเป็นผู้ส่งเสริมให้เกิดความรุนแรงทั่วประเทศ จนทำให้สถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทยตกต่ำ ทำให้ภาพพจน์เสียหายในสายตาของสังคมโลก
"อย่างกรณีปางแดง ที่ชาวบ้านถูกจับกุมคุมขังโดยมิชอบเช่น ไม่มีหมายจับ ไปจับในเวลากลางคืน มีการสอบสวนโดยวิธีการข่มขู่ อย่างนี้ต้องมีการร้องเรียน ซึ่งตอนนี้ก็มีองค์กรหลายองค์กรที่ชาวบ้านจะร้องเรียนได้ เช่น คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กรมคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ หรือกรรมาธิการรัฐสภา ดังนั้น ชาวบ้านที่ถูกกระทำจะต้องเรียนรู้ในเรื่องการพิทักษ์สิทธิของตน" นายจรัล กล่าว
นายวิวัฒน์ ตาหมี่ ผู้ประสานงานศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาบนพื้นที่สูง(ศปส.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันชุมชนบนพื้นที่สูงเริ่มเผชิญกับปัญหาหรือภัยคุกคามจากภายนอกเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะปัญหาอันเกิดจากนโยบายของรัฐ ซึ่งใช้กฎหมายเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาหลัก เช่น การประกาศเขตป่าอุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทับที่ชาวบ้านและชุมชนต่างๆ โดยไม่คำนึงถึงสิทธิของชุมชนที่อยู่อาศัยกันมาก่อน
รวมทั้งการการบังคับใช้กฎหมายและมาตรการที่เข้มงวด จนก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างชาวบ้าน กับเจ้าหน้าที่รัฐมากขึ้น
"ตนเชื่อว่าปัญหาดังกล่าวจะทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ดังจะเห็นได้จาก กรณีการจับกุมชาวบ้านปางแดง 48 คน ซึ่งต้องต่อสู้กันต่อไปในชั้นศาล ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องมีการปรับกลยุทธ์กันใหม่ เพื่อให้ความรู้แก่ชาวบ้านเพื่อใช้เป็นเครื่องมือสำหรับการปกป้องการละเมิดสิทธิของเขา " นายวิวัฒน์ กล่าว
ทางด้าน นายศราวุฒิ ประทุมราช นักวิชาการฝึกอบรม คณะกรรมการประสานงานองค์กรสิทธิมนุษยชน(กปส.) กล่าวว่า เนื่องจากคนส่วนใหญ่ในสังคมมักมอง ชนเผ่าเป็นพลเมืองชั้นสอง ไม่ใช่คนไทย แต่แท้จริงแล้วเขาเกิดและอาศัยอยู่ในแผ่นดินไทยมานาน เพียงแต่เขาพูดภาษาไทยไม่ได้ ซึ่งปัญหานี้คล้ายๆ กับกรณีภาคใต้ บางทีพวกเขาอาจรู้ในเรื่องสิทธิ แต่ไม่กล้าร้องเรียน เพราะกลัวเจ้าหน้าที่รัฐข่มขู่
"การฝึกอบรมในเรื่องกฎหมาย เรื่องสิทธิมนุษยชนให้กับชนเผ่าที่ถูกละเมิดในครั้งนี้ โดยได้นำเอาแนวทางการแก้ไขปัญหาระหว่างชนเผ่ากับรัฐ ในระดับนานาชาติ เช่น การประกาศใช้กฎหมายระหว่างประเทศในการคุ้มครองสิทธิของชนเผ่า การดำเนินงานและปฏิบัติต่อชนเผ่า เช่น ร่างปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิของชนเผ่าพื้นเมือง เพื่อนำไปปรับรูปแบบการพัฒนากลไกที่มีอยู่เพื่อแก้ปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนชนเผ่าต่อไป"นายศราวุฒิ กล่าว
องอาจ เดชา
ศูนย์ข่าวภาคเหนือรายงาน