ประชาไท - 28 ธ.ค.47 นายจักรภพ เพ็ญแข โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรีว่าวันนี้ ครม.ได้ประกาศลดธงชาติครึ่งเสาตั้งแต่วันที่ 28-30 ธ.ค.เพื่อไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิตทั้งหมดใน 6 จังหวัดภาคใต้ และขอให้ศาสนสถานทุกแห่งทุกศาสนา ร่วมกันบำเพ็ญกุศลอุทิศให้แก่ผู้เสียชีวิต โดยขอให้จัดพิธีกรรมของตนเองพร้อมเพรียงกันในวันที่ 30 ธ.ค. เวลา 19.00 น. รวมทั้งเชิญชวนประชาชนร่วมแต่งกายด้วยชุดดำเพื่อเป็นการไว้อาลัยด้วย

นอกจากนี้ครม.ยังมีมติให้หน่วยงานราชการทุกแห่งงดการจัดงานรื่นเริงในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ทุกงานและนายกรัฐมนตรีงดการไปร่วมในงานนับถอยหลังหรือเคาดาวส์ทุกแห่ง เพื่อเป็นการแสดงความไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิต

แบ่งงานรองนายกฯ

นายจักรภพ เพ็ญแข โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีเห็นว่าภารกิจสำคัญขณะนี้คือ การค้นหาผู้รอดชีวิตตามเกาะต่างๆ และการกู้ศพซึ่งเริ่มเปลี่ยนสภาพและส่งกลิ่น โดยมีการประสานงานกับทีมงาน 3 ทีม คือ จังหวัดกระบี่ นำโดย พล.ต.อ.สุเทพ ธรรมรักษ์ จังหวัดพังงา และภูเก็ต เป็นทีมของแพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ รองผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์

นอกจากนี้กระทรวงกลาโหมจะส่งทหารเฉพาะการดูแลเกี่ยวกับหน่วยเก็บศพไปเพิ่มเติม 100 คน ส่วนกระทรวงสาธารณสุขถ่ายภาพศพทุกศพนำขึ้นเว็บไซต์ของกระทรวงสาธารณสุขเท่าที่จะทำได้ และประชาชนสามารถค้นข้อมูลรูปพรรณสัณฐานผู้เสียชีวิตได้ที่ www.phuketcity.com

นายจักรภพกล่าวว่า สำหรับศพที่พบนั้นจะต้องนำใส่ถุงที่มีการปิดผนึกอย่างดีและใส่น้ำยาทำลักษณะเหมือนการดองศพไว้ เนื่องจากศพเริ่มขึ้นอืดจนไม่สามารถฉีดน้ำยารักษาศพได้ รวมทั้งมีการนำเนื้อบริเวณกระพุ้งแก้มของศพไปทำดีเอ็นเอเพื่อพิสูจน์ว่าเป็นใคร

ทั้งนี้ ในส่วนของภาพรวมทั้งหมด รวมทั้งจังหวัดภูเก็ตอยู่ในความรับผิดชอบของนายโภคิณ พลกุล รมว.มหาดไทย นายสุธรรม แสงประทุม รมช. มหาดไทย ดูแลจังหวัดกระบี่ นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรฯ ดูแลจังหวัดพังงา และนายพินิจ จารุสมบัติ รองนายกฯ ดูแล จังหวัดระนอง

โฆษกฯ กล่าวด้วยว่า นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ รองนายกรัฐมนตรี ประสานข้อมูลกับสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง(ตม.) หลังจาก 1-2 วันนี้เพื่อตรวจสอบสถิติของผู้ที่ขอเข้าเมืองมาแต่ไม่เดินทางออก เพื่อจะนำข้อมูลมาเทียบกับศพที่พบซึ่งอาจจะบอกไม่ได้ว่าเป็นใคร

นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังได้ให้น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รมว.ไอซีที ไปประสานงานกับบริษัทมือถือทุกแห่งของประเทศที่รับสัมปทานบริการอยู่เพื่อจัดระบบให้ประชาชนมีส่วนในการบริจาคเงินผ่านระบบเอ็สเอ็มเอ็ส โดยส่งข้อความเปล่าเพียงครั้งเดียวก็เท่ากับได้บริจาค 5 บาท แต่หากต้องการบริจาคมากกว่านั้นก็ให้ระบุจำนวนเงินลงไป ซึ่งยังอยู่ระหว่างการดำเนินการ

ประชาไทรายงาน