Skip to main content
sharethis

ตามที่ ครม.มีมติย้ายโรงไฟฟ้าของบริษัท กัลฟ์เพาเวอร์เจเนอเรชั่นมาจาก ตำบลบ่อนอก อำเภอเมือง จังหวัดประจวบฯ มายังบ้านหนองแหน ตำบลบ้านป่า อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี โดยเปลี่ยนจากถ่านหินมาใช้ก๊าซธรรมชาติ เนื่องจากชาวจังหวัดประจวบฯ และสาธารณชนทั่วประเทศดำเนินการคัดค้านมามากกว่า 6 ปี และบริษัทกัลฟ์ อ้างว่าได้รับการสนับสนุนจากประชาชนในพื้นที่จังหวัดสระบุรีแล้วนั้น เครือข่ายองค์กรประชาชนสระบุรี ขอชี้แจงข้อเท็จจริงดังนี้

1.โรงไฟฟ้าแก่งคอย 2 มีกำลังการผลิต 1468 เมกกะวัตต์ ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าโรงไฟฟ้าบ่อนอก 2 เท่า เพื่อชดเชยค่าเสียหายจำนวน 4 พันล้านบาทที่รัฐบาลต้องจ่ายให้บริษัทกัลฟ์ เป็นโครงการขนาดใหญ่ที่ประชาชนต้องมีส่วนร่วมในการตัดสินใจตามรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่รัฐบาล, กฟผ.และบริษัทกัลฟ์จะตกลงกันเองตามลำพัง เพราะรัฐบาลและ กฟผ.ไม่ใช่เจ้าของประเทศแต่เพียงผู้เดียว ไม่มีสิทธิผูกขาดอำนาจการตัดสินใจในนโยบายที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะนโยบายพลังงานที่สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่การสร้างเขื่อนขนาดใหญ่มาจนถึงสร้างโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่

2.โครงการนี้ไม่เปิดเผยรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ตามรัฐธรรมนูญ โดยสำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) และบริษัทกัลฟ์ฯ อ้างว่ารายงานการศึกษาผลกระทบดังกล่าวกำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของ สผ. จึงไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณะได้ นี่ก็ แสดงให้เห็นว่าหน่วยงานของรัฐและเจ้าของโครงการจงใจปกปิดข้อมูลเพราะกลัวการคัดค้านของประชาชนในพื้นที่ เราทำจดหมายขอรายงานนี้ถึง 2 ครั้ง แล้วแต่ก็ยังไม่ได้รับแม้จดหมายตอบกลับ

3.เป็นที่ทราบกันดีว่าจังหวัดสระบุรี โดยเฉพาะอำเภอแก่งคอย เป็นที่ตั้งของโรงงานจำนวนมาก เช่น มีโรงงานผลิตปูนซิเมนต์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จำนวน 3 โรง มีกำลังการผลิตปีละหลายสิบล้านตัน ซึ่งส่งผลกระทบให้ สภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมอยู่ในขั้นวิกฤตเกินกว่าที่ธรรมชาติจะรองรับและฟื้นฟูตัวเองได้ ปัญหาดังกล่าวยังไม่ได้รับการแก้ไขและเหลียวแลจากหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องและรับผิดชอบ เป็นปัญหาที่เรื้อรังมานานหลายสิบปีเกินกว่าจะแก้ไข โครงการดังกล่าวจะซ้ำเติมสภาพแวดล้อมให้เลวร้ายยิ่งขึ้น

4.เนื่องจากว่ามีโรงงานจำนวนมากตั้งอยู่ริมแม่น้ำป่าสัก ทั้งใช้น้ำในการผลิตและปล่อยน้ำเสีย จากการตรวจสอบของสำนักงานคุณภาพสิ่งแวดล้อมภาค 7 สระบุรี พบว่าคุณภาพแม่น้ำป่าสักจำนวน 18 จุดที่นำมาตรวจคุณภาพ มีค่าออกซิเจนอยู่ในระดับที่ 3-4-5 ระดับที่ 3-4 เมื่อจะนำมาบริโภคต้องผ่านกระบวนการบำบัด ระดับที่ 5 หมายถึง ไม่เหมาะสมกับการบริโภคและอุปโภค และ ปริมาณน้ำในหน้าแล้งก็ไม่พอสำหรับการเกษตร อยู่แล้ว เพราะ ชาวนาถูกห้ามทำนาปรังทุกปี ดังนั้นน้ำในแม่น้ำป่าสักก็ไม่พอสำหรับโรงไฟฟ้าแก่งคอย 2 เช่นกัน การขาดแคลนน้ำดังกล่าว ส่งผลต่อยุทธศาสตร์จังหวัดของผู้ว่า CEO ที่ประกาศให้สระบุรีและพื้นที่ลุ่มน้ำป่าสักเป็นเขตผลิตอาหารเพื่อป้อนครัวโลก แม่น้ำป่าสักที่หล่อเลี้ยงทั้งสระบุรี อยุธยา จะมีปัญหาทั้งคุณภาพและปริมาณ

5.การที่บริษัทกัลฟ์ฯ อ้างว่าจะมีการจ้างงาน 2-3 พัน ตำแหน่ง ทำให้ประชาชนเข้าใจว่าถ้าสนับสนุนโรงไฟฟ้าประชาชนจะมีงานทำ โรงงานต้องการแรงงานดังกล่าวในช่วงของการก่อสร้างเท่านั้น หลังจากนั้นจะจ้างตั้งแต่ผู้บริหารถึงยามประตูโรงงานไม่ถึง 100 คน เพราะโรงฟ้าไม่ใช่การผลิตแบบ mass product ไม่ต้องการแรงงานที่ไม่มีฝีมือ หรือ unskilled labor เช่นโรงงานทอผ้า ชาวแก่งคอยถูกทำให้เชื่อมานานแล้วว่า การมีโรงงานจะทำให้คนมีงานทำและเศรษฐกิจดี การโฆษณาชวนเชื่อว่าจะมีการจ้างงานคือการสร้าง "มายาภาพทางเศรษฐกิจ" ที่รัฐและนายทุนสร้างขึ้นมาเพื่อโกหก หลอก ลวงประชาชนไม่ให้ตั้งคำถามกับผลประโยชน์ที่แท้จริง การโกหกดังกล่าวเอื้อประโยชน์ให้นายทุนแสวงหา ตักตวงผลประโยชน์บนทรัพยากรอันมั่งคั่งของชาวสระบุรี เราจะไม่ตกเป็นเครื่องมือของการพัฒนาเศรษฐกิจที่คนบางกลุ่ม บางตระกูลเพียงหยิบมือได้ประโยชน์มหาศาล เราจะไม่ยอมให้นายทุนและรัฐบาลโกหกหลอกลวงประชาชนอย่างซ้ำซากอีก และเราจะไม่ยอมให้ชาวแก่งคอย สระบุรีตกเป็นเหยื่อของ "การพัฒนา" ที่ไม่เท่าเทียมและไม่เป็นธรรมอีกต่อไป

6.การอ้างว่าประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงเห็นชอบนั้น แท้ที่จริงมีการให้ประโยชน์จำนวนมากแก่ผู้นำองค์กรชุมชนและประชาชนในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งการจัดเลี้ยงโต๊ะจีนจำนวนหลายร้อยโต๊ะ การพาไปดูงานในเครือของบริษัทกัลฟ์ ตลอดจนเข้าพักในโรงแรมหรูหราและมีอาหารชั้นดี การกระทำดังกล่าวคือกระบวนการ "ซื้อสิทธิชุมชน" เป็นการได้สิทธินั้นมาด้วยความฉ้อฉล ไม่โปร่งใส ปิดบังซ่อนเร้นข้อมูลด้านลบของโรงไฟฟ้ากับสาธารณชน "การซื้อสิทธิขายเสียง" ในระบอบประชาธิปไตยก่อให้เกิด "วงจรอุบาทว์ทางการเมือง" ฉันใด "การซื้อสิทธิชุมชน" ย่อมก่อให้เกิด "วงจรอุบาทว์ทางสังคม" ที่รุนแรงมากกว่า ความแตกแยก ความไม่ไว้วางใจระหว่างกัน เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในชุมชนแก่งคอยของเรา กระบวนการ "ซื้อสิทธิชุมชน" ดังกล่าว บริษัทอ้างว่า คือการมีส่วนร่วมของประชาชน การทำให้คนตัดสินใจสนับสนุนโครงการโดยมีสิ่งล่อใจ เต็มไปด้วยอามิส สินจ้าง ไม่ใช่การมีส่วนร่วมทางการเมืองในความหมายของ "ประชาธิปไตย" แต่เป็นการมีส่วนร่วมทางการเมืองภายใต้ระบบ "ทุนธนาธิปไตย" การใช้เงินซื้อการตัดสินใจของประชาชนเจ้าของทรัพยากรเป็นการดูถูกเหยียดหยามศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ที่รุนแรงสูงสุด

7.การออกใบปลิวโจมตีกลุ่มคัดค้านว่าไม่รู้จักกาลเทศะ คัดค้านในขณะที่ประเทศชาติบอบช้ำจากมหันตภัยมัจจุราชคลื่นยักษ์สึนามินั้น ถามว่า ถ้าเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงขนาดที่เกิดคลื่นยักษ์สึนามิบนแผ่นดินที่มีศูนย์กลางในประเทศไทยนั้น จะส่งผลต่ออุตสาหกรรมที่เปราะบางต่อภัยธรรมชาติเช่นท่อก๊าซและโรงไฟฟ้าขนาดไหน เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าโครงสร้างเปลือกโลกที่สระบุรีเป็นหินปูน เป็นเปลือกโลกที่มีประวัติศาสตร์การเปลี่ยนแปลงในเชิงธรณีวิทยามาช้านาน การมาเยือนของมัจจุราชแบบซึนามิคงไม่มีใครรับผิดชอบ แต่มีคนรับกรรม…คือคนแก่งคอย และคนสระบุรี ในขณะที่นายทุนอย่างบริษัทกัลฟ์ ลอยนวล ! คลื่นมัจจุราชสึนามิยังมีวันจางหาย แต่มหันตภัยมัจจุราชโรงไฟฟ้าจะอยู่กับชาวแก่งคอยทั้งชีวิตชั่วลูกหลาน !!!

การที่รัฐบาลย้ายโรงไฟฟ้าออกจากจังหวัดประจวบฯ ก็เนื่องมาจากการคัดค้านของคนในพื้นที่ที่เป็นเจ้าของทรัพยากร สิ่งแวดล้อม สุขภาพ และสิทธิชุมชน ชาวสระบุรีก็เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งกับชาวประจวบฯ และเหตุผล การคัดค้านข้างต้นของเรา จึงไม่ต้องการให้โครงการนี้มาสร้างที่จังหวัดสระบุรี รัฐบาลและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ควรปรึกษากัน เพื่อหาพลังงานที่สะอาดจริง ๆ เป็นทางออกที่สังคมและคนในท้องถิ่นยอมรับ และมีส่วนร่วมได้ด้วยจะดีกว่า

ด้วยความสมานฉันท์
พันธมิตรองค์กรประชาชนสระบุรี
*สถานีวิทยุชุมชน F.M. 106.25 เมกกะเฮิร์ท *เครือข่ายเกษตรกรผู้ปลูกผักวิหารแดง
*สหกรณ์สวนป่าภาคเอกชนสระบุรี *เครือข่ายอนุรักษ์ลำน้ำป่าสักสระบุรี
*ชมรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแก่งคอย *เครือข่ายสระบุรีรักบ้านเกิด *ชมรมผู้สูงอายุแก่งคอย
5 มกราคม 2547

ประชาไทรายงาน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net