ประชาไท--10 ม.ค. 2548--การค้นพบครั้งนี้ช่วยไขคำตอบว่าทำไมบางคนจึงมีแนวโน้มที่จะติดเชื้อได้มากกว่าคนอื่นๆ การศึกษาพบว่าคนที่มีจำนวนหน่วยพันธุกรรมมากกว่าจะมีโอกาสน้อยกว่าในการที่จะติดเชื้อไวรัสเอชไอวีหรือป่วยเป็นเอดส์ช้ากว่า เช่น ชาวยูโรเปียนอเมริกันที่มีจำนวนหน่วยพันธุกรรมน้อยกว่าจะมีแนวโน้มต่อการติดเชื้อเอชไอวีได้สูงกว่าชาวยูโรเปียนอเมริกันที่มีจำนวนหน่วยพันธุกรรมมากกว่า

เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2548 สถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (NIAID)ได้ออกแถลงข่าวผลการศึกษาที่อธิบายว่าทำไมบางคนจึงมีแนวโน้มที่จะติดเชื้อมากกว่าคนอื่นๆ นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าการค้นพบในครั้งนี้จะนำไปสู่การตรวจคัดกรองว่าใครจะมีโอกาสไวต่อการติดเชื้อมากน้อยต่างกัน ซึ่งจะช่วยให้นักวิจัยทางการแพทย์สามารถนำไปประยุกต์ใช้เรื่องสูตรการรักษา, การทดลองวัคซีน และการศึกษาอื่นๆ

ดร.แอนโทนี่ เฟาซิ ผู้อำนวยการสถาบันNIAID ได้เปิดเผยด้วยว่า "การที่ประชากรในกลุ่มเดียวกันแต่มีแนวโน้มการติดเชื้อเอชไอวีหรือมีพัฒนาการสู่การเป็นผู้ป่วยเอดส์ที่ต่างกันนี้เป็นการค้นพบที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเท่ากับได้พบว่าอะไรคือปัจจัยสำคัญในการที่จะขัดขวางหรือส่งเสริมให้เกิดการติดเชื้อได้ และหากมองให้กว้างออกไปก็เป็นไปได้ว่าในกลุ่มประชากรที่ต่างกันอาจมีผลต่อการตอบสนองต่อการกดเชื้อโรคต่างกัน ดังนั้นความแตกต่างในระบบภูมิคุ้มกันนำไปสู่การหนทางในการขัดขวางเชื้อเอชไอวีหรือส่งเสริมการติดเชื้อที่ต่างกันไปคนกลุ่มต่างๆ"

การวิจัยครั้งนี้เน้นศึกษาหน่วยพันธุกรรม CCL3L1 ซึ่งเป็นโปรตีนที่กันไม่ให้เอชไอวีเข้าไปถึง โปรตีนCCR5ซึ่งเป็นตัวรับ (receptor) และเป็นประตูสำหรับเอชไอวีที่ทำให้เซลล์ติดเชื้อ โดยผลการศึกษาได้มาจากตัวอย่างเลือดของคน 4,300 คน ซึ่งมีทั้งผู้ที่ผลเลือดเอชไอวีเป็นบวกและลบ จากประชากรต่างในในสังคมอเมริกัน ตัวอย่างเช่นผู้ที่มีเลือดเอชไอวีลบที่เป็นผู้ใหญ่ชาวแอฟริกัน-อเมริกันมีหน่วยพันธุกรรมCCL3L1เฉลี่ยอยู่ 4 หน่วย ในขณะที่ชาวยุโรป-อเมริกัน และกลุ่มฮิสแปนิคอเมริกันมีจำนวนเฉลี่ยอยู่ที่ 2-3 หน่วย

อย่างไรก็ตามไม่ได้หมายความว่าชาวยุโรป-อเมริกันจะมีแนวโน้มติดเชื้อเอชไอวีได้ง่ายกว่ากลุ่มอื่น แต่กลับเป็นไปในทางตรงข้าม เพราะเมื่อพิจารณาค่าเฉลี่ยของการหน่วยพันธุกรรมCCL3L1ในกลุ่มนี้กลับพบว่าค่าเฉลี่ยของจำนวนหน่วยพันธุกรรมที่มีแนวโน้มว่าจะติดเชื้อได้ง่ายหรือพัฒนาไปสู่การป่วยเป็นเอดส์ได้เร็วต่ำกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับประชากรกลุ่มอื่นๆ

ผลจากการศึกษาพบด้วยว่าในแต่ละหน่วยพันธุกรรมCCL3L1ที่มีน้อยลงไปในแต่ละหน่วยจะเพิ่มอัตราเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวีตั้งแต่ 4.5-10.5 เปอร์เซ็นต์ ส่วนการพัฒนาเป็นผู้ป่วยเอดส์นั้นมีอัตราเสี่ยงต่อจำนวนหน่วยพันธุกรรมที่น้อยลงอยู่ที่ 39-260 เปอร์เซ็นต์

สำหรับสิ่งที่จะต้องศึกษาเพิ่มเติมต่อไปคือพิจารณาถึงการเพิ่มสำเนาหน่วยพันธุกรรมที่เฉพาะเจาะจง เพราะการศึกษาในครั้งนี้เป็นเพียงการศึกษาความเปลี่ยนแปลงของหน่วยพันธุกรรมที่มีอยู่โดยรวมและผลกระทบจากความแตกต่างทางพันธุกรรม

ประชาไทรายงาน