Skip to main content
sharethis

น่าอนาถใจหรือไม่ ? เมื่อปีใหม่ที่ผ่านมา ขยะได้ท่วมเมืองเชียงใหม่อีกแล้ว เหตุผลง่ายๆ หล่นจากผู้บริหารเทศบาลนครเชียงใหม่ว่า บริษัทรับจ้างเก็บขยะลาหยุดร่วมฉลองกับญาติๆแล้วขยะตกค้างก็กองเกลื่อนประจานทั่วเมือง สะสมมาจนถึงทุกวันนี้

ทุกเสาไฟฟ้าเมืองเชียงใหม่ ไม่เป็นป้ายหาเสียงของพรรคการเมืองดัง ก็ต้องเป็นกองขยะ

แรงปะทุจากชาวบ้านย่านถนนรัตนโกสินทร์ ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ที่ออกมาแฉว่า มี นักกฎหมายรวมหัวนายทุนทำสัญญาเช่าพื้นที่หลายสิบไร่เพื่อฝังกลบขยะลอบทิ้งขยะในป่าไมยราบใกล้ร้านอาหารคนเชียงใหม่

ส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้คนในพื้นที่ ก็ทำให้สังคมเชียงใหม่ได้รับรู้เพิ่มขึ้นมาว่า นี่เป็นอีกจุดหนึ่งที่เทศบาลดิ้นนำขยะไปซุกไว้ เพื่อรอเวลาให้เครื่องอบขยะจากอังกฤษเดินทางมาถึงเท่านั้น

นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีเทศบาลนครเชียงใหม่ ยังคงพูดเหมือนเดิมว่า ปัญหาขยะจะแก้ได้ ที่ผ่านมาช่วงปีใหม่ เจ้าหน้าที่ของบริษัทที่รับจ้างให้จัดเก็บขยะได้ลาหยุดเพื่อไปร่วมฉลองกับญาติ ๆ จึงทำให้เกิดการตกค้างของขยะ ประกอบกับมีขยะที่เพิ่มมากขึ้นตามจำนวนนักท่องเที่ยว จากปกติที่มีปริมาณขยะในเขตเทศบาลฯวันละ 230 ตันได้เพิ่มเป็นวันละ 400 ตันจึงทำให้การจัดเก็บล่าช้า และที่สำคัญขยะที่ว่าก็ไม่ใช่ของเทศบาลนครเชียงใหม่ทั้งหมด

"ในตอนนี้ไม่ว่าจะเกิดปัญหาขยะเร่ร่อนในพื้นที่ใด ก็มักจะเพ่งเล็งว่าเป็นของเทศบาลนครเชียง ใหม่ ซึ่งจริงๆ ไม่ใช่ทั้งหมด ขยะที่กองอยู่ตามที่ว่างต่างๆ นั้น เกิดจากขยะที่มาจากชาวบ้านนำไปทิ้งไว้ ทำให้ทางเทศบาลต้องจัดรถเข้าไปจัดเก็บทำความสะอาด ขณะที่ระบบจัดเก็บและกำจัดขยะทางเทศบาลได้จัดทำไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ยอมรับว่าเทศบาลเองก็มีปัญหาเนื่องจากที่ฝังกลบขยะเดิมใกล้จะเต็ม ขณะนี้ได้สั่งการให้ขุดเอาขยะเก่าที่ฝังกลบมานานกว่าสิบปีขึ้นมาทำเป็นปุ๋ย หลังจากนั้นก็คาดว่าทุกอย่างจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ"
สำหรับโครงการจัดสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานขยะนั้น นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ บอกว่าอธิบดีกรมทดแทนพลังงาน กระทรวงพลังงานแจ้งมาแล้วว่า ทางเอกชนที่อังกฤษยืนยันแล้วว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผนคือ เครื่องจักรจะลงเรือออกจากอังกฤษมาถึงประเทศไทยในเดือนกุมภาพันธ์และประมาณพฤษภาคมคาดว่า จะติดตั้งเสร็จและคงเดินเครื่องได้ทันที

ด้านนายธวัชวงศ์ ณ เชียงใหม่ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาขยะของอบจ.ซึ่งมีโครงการอยู่ มีปัญหาสถานที่ก่อสร้างและยังจัดการกับปัญหานี้ไม่ได้ แม้จะมีการเจรจาเปลี่ยนสถานที่กันก็ยังไม่ลงตัวซึ่งต้องใช้เวลา

ทั้งนี้ถ้าสามารถพูดจาให้ชาวบ้านในท้องถิ่นที่ตั้งโรงงานได้ ก็คงจะดำเนินการก่อสร้างได้ โดยมีงบประมาณสนับสนุนจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 400 กว่าล้านบาท ซึ่งก็เป็นโรงงานขนาดใหญ่ สามารถกำจัดขยะวันละ 300 ตัน

"เราก็พยายามเต็มที่แม้จะไม่ได้เป็นผู้ริเริ่มแต่เราก็เห็นว่าเป็นสิ่งที่จำเป็น ก็พยายามที่จะจัดการให้ดำเนินการไปสำเร็จ"

นายอภิวัฒน์ คุณารักษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 1 กล่าวว่า เดิมเชียงใหม่มีแผนจัดการขยะแบบครบวงจรโดยจัดตั้งศูนย์ขึ้นมา 3 แห่ง คือโซนเหนือ กลางและใต้แต่ปรากฏว่าสามารถดำเนินการได้เพียงแห่งเดียวคือโซนเหนือของเทศบาลตำบลเวียงฝาง

แม้ทางเทศบาลตำบลเวียงฝางพร้อมจะให้ความร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหาของจังหวัดเชียงใหม่
เพราะยังมีความสามารถกำจัดได้อยู่ถึงเท่าตัว โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสามารถจะประสานซึ่งกำลังจะมีการดำเนินการ เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าแต่ยังติดที่ท้องถิ่นไม่ยอมมาหารือจึงทำให้เกิดปัญหาคาราคาซัง

ส่วนโซนกลางของ อบจ.เชียงใหม่ก็ยังติดปัญหาเรื่องการส่งมอบพื้นที่ไม่ได้ถ้าหากเรื่องนี้เรียบร้อยก็จะสามารถแก้ปัญหาขยะเชียงใหม่ได้ส่วนหนึ่ง ส่วนโซนใต้ของเทศบาลนครเชียงใหม่พื้นที่เดิมอยู่ไกลเกินไปอาจจะมีปัญหาเรื่องค่าขนส่งที่สูงขึ้น ก็กำลังมีการหารือเพื่อหาสถานที่แห่งใหม่อยู่

"หากมีความจริงใจที่จะแก้ปัญหาที่ให้ลุล่วง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ดูแลก็น่าจะมาเจรจาทำปัญหาให้ลุล่วง ไม่ใช่ปล่อยให้มีการนำไปทิ้งในที่ว่าหรือผลักปัญหาในให้ที่อื่น"

ผอ.สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 1 กล่าวอีกว่า ในปีนี้ทางจังหวัดเชียงใหม่จะร่วมกับมูลนิธิชัยพัฒนาจะรณรงค์ในเรื่องการกำจัดขยะแบบครบวงจรในชุมชนให้ครอบคลุมทั้งจังหวัด โดยจะให้มีการคัดแยกขยะส่วนที่รีไซเคิล ส่วนที่นำไปทำเป็นปุ๋ย และส่วนที่ต้องนำไปกำจัดจริงๆ ในส่วนนี้จะให้หาพื้นที่ฝังกลบไว้ก่อน เพราะกำลังมีการศึกษาเรื่องการนำขยะไปอัดเป็นก้อนนำไปปูพื้นแทนอิฐบล็อกว่าต้นทุนจะสูงหรือไม่ ถ้าผลการศึกษาออกมาก็จะเดินหน้าในเรื่องนี้ต่อไป

ประชาไทรายงาน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net