8 กุมภาพันธ์ 2548 ณ ที่ว่าการอำเภอเวียงแหง

ประชาชนชาวเวียงแหงมารวมตัวกันในวันนี้เพื่อแสดงความสามัคคี แสดงน้ำใจต่อกัน เราทั้งหลายสืบทอดวงศ์ตระกูลมาจากบรรพบุรุษที่อาศัยอยู่ในถิ่นนี้มากกว่า 100 ปี เรามีประวัติศาสตร์ สิ่งสักการะมากมายคู่บ้านคู่เมือง ตำนานโบราณบอกเล่าถึงวิถีชีวิตและวัฒนธรรมที่ก่อเกิดมาท่ามกลางขุนห้วย ป่าเขา ไร่นา ที่หล่อเลี้ยงชีวิต

พวกเราตระหนักดีว่า หากทรัพยากรธรรมชาติถูกทำลายลงเมื่อใด วิถีชีวิตชุมชนก็จะล่มสลายลงเมื่อนั้น ผู้ทำลายทรัพยากรดินน้ำป่ามาในรูปแบบที่หลอกลวงมากขึ้น โดยอาศัยเงินที่พวกเขามีอยู่อย่างมหาศาล พวกเขาแสวงหาดินแดนใหม่ๆ ที่อุดมสมบูรณ์ด้วยป่าไม้, แม่น้ำ, แร่ธาตุ และอากาศที่บริสุทธิ์เพื่อสูบกินแล้วแปรเป็นเงินตรา

เขาจะหลอกลวงและล่อหลอกด้วยเงินตราให้คล้อยตามการพัฒนาสมัยใหม่ เขาจะยอมให้เราขายทรัพยากรรอบตัวทีละอย่าง เมื่อเรารู้ตัวอีกทีก็อาจสายเกินไปที่จะเรียกสิ่งที่เสียไปกลับคืนมา เราจะไม่ยอมให้ใครมาหลอกให้เราขายดิน,น้ำ ป่า และอากาศของเราอย่างเด็ดขาด

ธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่อยู่คู่กับชาวเวียงแหง และคือผู้ให้ทุกสิ่งทุกอย่างแก่เรา พืชผลการเกษตรที่สมบูรณ์, อากาศบริสุทธิ์, น้ำใสสะอาดชั่วนาตาปี เราจะต้องปกป้องทรัพยากรเหล่านี้ ปู่ย่าตายายบอกแก่เรา และเราทั้งหลายก็จะบอกจะสอนลูกหลานของเราต่อๆ ไป

โครงการพัฒนาขนาดใหญ่ใดๆ ที่จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่กระทบต่อทรัพยากรพื้นฐาน ดิน น้ำ ป่า และอากาศของชาวเวียงแหง ต้องได้รับความเห็นชอบจากเราทั้งหลาย

เรามีสิทธิตามรัฐธรรมนูญที่จะหาความรู้และข้อมูล โดยใช้เวลามากเพียงใดก็ได้เพื่อนำมาสู่ประชาชน และเพื่อให้ประชาชนพิจารณาใคร่ครวญก่อนการตัดสินใจ รัฐทั้งท้องถิ่นและส่วนกลางจะต้องรอการตัดสินใจของเรา ต้องฟังเรา

คำปฏิญาณร่วมกัน

"เราชาวเวียงแหงจะรักและสามัคคีกันดูแลรักษา ผืนดิน แผ่นน้ำ ป่าไม้ อากาศ วิถีชีวิตวัฒนธรรมอันงดงามที่สืบทอดมาแต่บรรพบุรุษ เพื่อรักษาไว้เป็นมรดกของลูกหลานสืบไป ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จงเป็นพยานการปฏิญาณร่วมกันของเราในวันนี้ ในการที่เราจะต่อสู้ปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและวิถีชีวิตวัฒนธรรมชุมชนของเราอย่างถึงที่สุด"

ประชาไทรายงาน