Skip to main content
sharethis

กรุงเทพฯ- 9 มี.ค.48 เมื่อเวลา 15.30 น. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 นำคำฟ้องคดีก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้มายื่นต่อศาล โดยมีนายแวยูโซ๊ะ แวดือราแม อดีตครูและหัวหน้าฝ่ายปกครอง โรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ จังหวัดยะลา กับพวก รวม 8 คน เป็นจำเลย มีความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฎแบ่งแยกดินแดน ก่อการร้าย เป็นอั้งยี่และซ่องโจร ศาลอาญาได้ประทับรับฟ้องคดี และให้เบิกตัวจำเลยทั้ง 8 ซึ่งถูกควบคุมอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร มาสอบคำให้การว่าจะรับสารภาพหรือปฏิเสธ ในเวลา 9.00 น. วันที่ 10 มีนาคม 2548

คำฟ้องของอัยการระบุพฤติการณ์ของจำเลยว่า ระหว่างปี 2536 วันเดือนเวลาใดไม่ปรากฏชัด ถึงวันที่ 16 ธันวาคม 2547 จำเลยทั้ง 8 กับพวกอีกหลายคนที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ซึ่งเป็นสมาชิกของขบวนการแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายู ปัตตานี (บีอาร์เอ็น) มีนายแวยูโซ๊ะ จำเลยที่ 1 เป็นหัวหน้าฝ่ายกองกำลังด้านการทหาร ได้กระทำความผิดต่อกฎหมายหลายบทหลายกระทงต่างกัน โดยร่วมกันกระทำความผิดฐานเป็นกบฏ ก่อการร้าย เป็นอั้งยี่ และซ่องโจร ด้ร่วมกันใช้กำลังประทุษร้าย ลอบวางระเบิด ใช้อาวุธปืนยิงฆ่าพระภิกษุ เจ้าหน้าที่ของรัฐ ตำรวจ ทหาร และประชาชนผู้บริสุทธิ์ ลอบวางเพลิงเผาโรงเรียน สถานที่ราชการ ศาสนสถาน ปล้นอาวุธปืนของทางราชการหลายครั้ง เช่น ปล้นปืนที่ทำการอุทยานแห่งชาติบางลาง อำเภอบันนังสตา จ.ยะลา เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2545 ปล้นปืนที่หน่วยทหารพัฒนาที่ 5 อำเภอธารโต จังหวัดยะลา เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2546 ปล้นปืนที่หน่วยทหารพัฒนาที่ 12 อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2546 ปล้นปืนที่หน่วยทหารพัฒนาที่ 4 อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2547

จำเลยมีวัตถุประสงค์ต้องการแบ่งแยกดินแดนจังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส สตูล และอำเภอสะเดา อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา ออกจากการปกครองของไทย ตั้งตัวเป็นรัฐอิสระปกครองตนเอง เรียกว่า รัฐปัตตานี หรือรัฐปัตตานีดารุสสลาม ด้วยการสะสมกำลังพล อาวุธ โฆษณาชวนเชื่อ ชักชวนประชาชนและนักเรียนที่นับถือศาสนาอิสลามให้เข้าร่วมขบวนการ ปลูกฝังแนวคิดและบิดเบือนคำสอนศาสนาอิสลามให้หลงผิดเป็นชอบ โดยขบวนการบีอาร์เอ็นได้กำหนดแผนขั้นตอนความสำเร็จสู่การปฏิวัติแบ่งแยกดินแดนออกเป็น 7 ขั้นตอน คือ

1.สร้างจิตสำนึกให้แก่มวลชนโดยเฉพาะเด็กเล็ก มีเป้าหมาย 3 แสนคน 2.จัดตั้งมวลชน ดึงมวลชนเข้ามาเป็นสมาชิกของขบวนการ มีเป้าหมาย 3 แสนคน 3.จัดตั้งองค์การ ซึ่งเป็นองค์การลับที่อยู่เบื้องหลังไม่เปิดเผยชื่อ 4.จัดตั้งกองกำลัง โดยชักชวนเยาวชนให้มาฝึกปฏิบัติการทางทหาร มีเป้าหมาย 3 พัน คน 5.สร้างอุดมการณ์ชาตินิยม ด้วยการปลูกฝังค่านิยมในการรักชาติ ให้เกิดความฮึกเหิมมีใจสู้ไม่กลัวตาย 6.ขั้นตอนเตรียมความพร้อม โดยให้กองกำลังทดลองปฏิบัติการก่อความไม่สงบจากเรื่องง่ายๆ ไปถึงเรื่องที่ยากขึ้นเรื่อยๆ 7.ก่อการปฏิวัติ เมื่อขั้นตอนที่ 1- 6 พร้อมแล้ว ก็ก่อการใหญ่ด้วยการปฏิวัติ ดึงอำนาจการเมืองกลับคืน และแบ่งแยกดินแดนปกครองประเทศ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net