๑.เครือข่ายปัญหาเขื่อน ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มเขื่อนที่สร้างแล้ว และกลุ่มเขื่อนที่ยังไม่สร้าง เช่น โป่งขุนเพชร แก่งเสือเต้น
ข้อเสนอ
- การสร้างเขื่อนใหม่ ให้สรุปปัญหากรณีเขื่อนที่สร้างไปแล้ว เช่น ปากมูน ราษีไษลแล้วเป็นกรณีตัวอย่าง
- กรณีเขื่อนยังไม่สร้าง ซึ่งกำลังมีปัญหาความขัดแย้งรุนแรง การเผชิญหน้าในพื้นที่ ให้รัฐพิจารณาโดยต้องคำนึงถึงกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน และใช้กฎหมาย EIA ในการพิจารณาอย่างเคร่งครัด
2. เครือข่ายที่ดินสาธารณประโยชน์
ที่ผ่านมา รัฐให้กลไก นสล. หรือ หนังสือสำคัญที่หลวง ประกาศทับที่หรือประกาศเป็นพระราชกฤษฎีกาครอบที่ดินทำกินของชาวบ้าน ตั้งแต่ปี ๒๕๓๘ กรณีปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไข ซึ่งต้องใช้มาตราการทางกฎหมายแก้ไขปัญหาและกลไกรัฐธรรมนูญรับรองสิทธิชุมชน การแก้ไขกฎหมายที่ละเมิดรัฐธรรมนูญ

3. เครือข่ายป่าไม้ ทั้งกรณีที่อุทยานแห่งชาติ ที่ป่าสงวน และที่นอกเขต ยืนยันให้นำร่างพระราชบัญญัติป่าชุมชนที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของรัฐสภามาพิจารณาต่อ
ข้อเสนอ
ยกเลิกมติครม. ที่ผลักคนออกจากป่าเพื่อให้คนอยู่กับป่าได้ และผลักดันร่างพรบ.ป่าชุมชนให้เป็นกฎหมายต่อไป

4. เครือข่ายผู้ป่วยจากการทำงานและสิ่งแวดล้อม
ให้คุ้มครองแรงงาน 12 ล้านคนทั่วประเทศด้วยการพิจารณากฎหมายจัดตั้งสถาบันคุ้มครองสุขภาพแรงงาน เป็นองค์กรอิสระที่ไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาล

5. เครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือก
ภายหลังจากที่ ครม. อนุมัติงบประมาณ ๖๐๐ ล้านให้ทำรูปธรรมระดับแปลงเกษตรกรรมและค้นพบความเหมาะสมของเกษตรกรรมรายย่อย ซึ่งจากการจัดทำโครงการนำร่อง 4 ปีตั้งแต่ปี 2543-2546 ได้ข้อสรุปว่า เกษตรกรรมทางเลือกสามารถเป็นทางเลือกของสังคมไทย
ข้อเสนอ
1. ให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการเกษตรกรรมยั่งยืนแห่งชาติ
2. ให้มีการตรากฎหมายคุ้มครองความปลอดภัยทางชีวภาพ
3. กรณีเขตการค้าเสรี (FTA) ให้ยุติการทำการเจรจาเขตการค้าเสรี รวมถึงตรวจสอบผลกระทบต่อกรณีเขตการค้าเสรีที่เจรจาและดำเนินการไปแล้ว

6. เครือข่ายประมงพื้นบ้าน
ข้อเสนอ-ให้ยกเลิกนโยบายแปลงทะเลเป็นทุน หรือซีฟู้ดแบงก์ และแก้ไข พรบ.ประมง ๒๕๐๙ เพื่อปกป้องคุ้มครองประมงเขตพื้นที่ทำกินของชาวประมงพื้นบ้าน 3,000 เมตรจากชายฝั่ง

7. เครือข่ายสลัม ๔ ภาค
ข้อเสนอ-แก้ไขปัญหาของชาวชุมชนแออัด กรณีความขัดแย้งเรื่องที่ดินระหว่างพี่น้องสลัมกับที่ดินของเอกชนและที่ดินของรัฐ ตัวอย่างเช่น ที่ดินรถไฟ ซึ่งให้ชาวบ้านเช่าในระยะเวลาที่สั้นเกินไป โครงการบ้านเอื้ออาทรที่ไม่สอดคล้องกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องสลัม รวมถึงการผลักดันพระราชบัญญัติชุมชนแออัด

8. กรณีแรงงานข้ามชาติ
ข้อเสนอ-ให้รัฐออกกฎหมายคุ้มครองแรงงานต่างด้าวที่ขึ้นทะเบียนในประเทศไทยกว่า 120,000 คน และกำลังถูกละเมิดสิทธิ และต้องให้ภาคประชาสังคม นักวิชาการ องค์กรพัฒนาเอกชน และภาคีต่างๆ ในสังคม สามารถเข้าไปมีส่วนร่วม เป็นกรรมการร่วมในคณะกรรมการบริหารแรงงานข้ามชาติหลบหนีเข้าเมือง

9. กรณีโครงการเหมืองใต้ดินโปแตช
ข้อเสนอ-ให้มีการเปิดเผยข้อมูลข้อเท็จจริงโครงการเหมืองแร่โปแตส การอนุมัติประทานบัตรโครงการอย่างถูกต้องตามขั้นตอน และการทำ EIA โดยการมีส่วนร่วมของประชาชน

10. กรณีมหาวิทยาลัยออกนอกระบบ
สภาพปัญหา-มีมหาวิทยาลัยออกนอกระบบแล้ว ๑๐ แห่ง ทำให้คนจนเข้าเรียนมหาวิทยาลัยน้อยลง นักศึกษาต้องรับภาระค่าเล่าเรียนมากขึ้น คนจนสามารถเข้าไปเรียนได้น้อยลง ทำให้คนจนเสียเปรียบ เพราะการศึกษาเป็นเครื่องมือในการยกระดับประชาชน
ข้อเสนอ-กรณีมหาวิทยาลัยที่ยังไม่ออกนอกระบบ โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยราชภัฎ ให้ทำประชาพิจารณ์อย่างเปิดกว้างและทั่วถึง
- กรณีมหาวิทยาลัยที่ออกนอกระบบแล้ว ให้ศึกษาผลกระทบที่เกิดขึ้น
- ห้ามลงโทษหรือริดรอนสิทธินักศึกษาที่ออกมาเคลื่อนไหวกรณี ม.นอกระบบ

11. กรณีโรงไฟฟ้าพลังแกลบที่นครสวรรค์
- ข้อเสนอ-ให้หยุดโครงการโดยเด็ดขาด เพราะพื้นที่เป็นพื้นที่ที่เหมาะสมกับการทำการเกษตรแล้ว

12. กรณีโครงการท่อก๊าซไทยมาเลเซีย
ที่ผ่านมา การทำ EIA ผิดขั้นตอน และมีการนำที่สาธารณะมาให้บริษัทดำเนินการ
ข้อเสนอ
- ให้จัดทำ EIA ใหม่โดยการมีส่วนร่วมของประชาชน
- ให้ดำเนินคดีกับบริษัที่เอาที่ดินสาธารณะมาดำเนินโครงการ และปิดกั้นทางสาธารณะของชุมชน

13. กรณีเครือข่ายเหล้าพื้นบ้าน
ข้อเสนอ
- ผลักดันพระราชบัญญัติจดแจ้งผลิตจำหน่ายเหล้าพื้นบ้านของภาคประชาชน
- แก้มติ ครม. กรณีภาษีสรรพสามิตระหว่างผู้ผลิตสุรารายย่อย (ชาวบ้าน) และผู้ผลิตสุรารายใหญ่ (โรงงาน)
- ให้ครัวเรือนสามารถทำเหล้าบริโภคในครัวเรือนและงานบุญได้
- ยกเลิกระเบียบที่ห้ามไม่ให้นำสุรามาทำยาดอง

14. กรณีโรงไฟฟ้าแก่งคอย
ข้อเสนอ-เปิดเผยผลกระทบโครงการและยุติการสร้างไว้
- จัดทำ EIA ใหม่ โดยเฉพาะกรณีการแย่งชิงทรัพยากรน้ำระหว่างชาวบ้านกับโรงงาน ซึ่งปัจจุบัน ในพื้นที่ก็มีปัญหาน้ำไม่เพียงพอกับการทำการเกษตรและการบริโภคอยู่แล้ว