ประชาไท-17 มี.ค. 48 ช่วงเช้าวันสุดท้ายของการชุมนุมของสมัชชาคนจนและกลุ่มพันธมิตร นายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ นักวิพากษ์สังคมชื่อดัง ได้ปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ "รัฐธรรมนูญฉบับประชาชนกับรัฐบาลอำนาจนิยม" โดยหวังว่า จะเป็นแสงสว่างส่องทางให้รัฐบาลในการที่นำธรรมะมาประดับจิตใจ เพื่อทอนการใช้อำนาจทุนนิยมมารังแกประชาชน

นายสุลักษณ์ กล่าวเตือนว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นรัฐธรรมนูญที่ประชาชนร่วมกันร่างขึ้นมา และหวังว่าจะเป็นรัฐธรรมนูญที่ดีที่สุด แต่ที่น่าเศร้าเพราะคนที่ร่างรัฐธรรมนูญส่วนใหญ่เป็นคนซื่อ ร่างโดยไม่รู้ว่าจะเป็นการเปิดช่องว่างให้คนชั่ว ให้โจร เข้ามาเป็นรัฐบาลโจร และที่ได้จัดตั้งรัฐธรรมนูญฉบับนี้ขึ้นมาก็หวังเพื่อที่คานอำนาจกับรัฐบาล เพื่อให้มีความโปร่งใสเกิดขึ้น ก็คือรัฐบาลรู้อะไรประชา ชนก็ต้องรู้อย่างนั้น

นายสุลักษณ์ กล่าวต่อว่า ข้อเสียที่ทำให้การปกครองในบ้านเราเป็นระบบทุนนิยมก็คือ ชนชั้นปกครองในประเทศไทยเราเติบโตมาจากรัฐบาลเผด็จการ ตั้งแต่จอมพล ป.พิบูลสงคราม จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัตน์ และพวกที่ไปศึกษาต่อยังเมืองนอกก็ถูกครอบงำด้วยความคิดที่ว่า เงินและอำนาจเป็นใหญ่ เลยใช้เงินซื้อทุกอย่างใช้อำนาจกดขี่ข่มเหงได้ทุกอย่าง

นักวิพากษ์สังคมชื่อดังได้ยกอ้างคำของลอร์ดแอคตัน ว่าด้วยหลักการของอำนาจคือ "อำนาจอยู่ที่ไหน ก็จะมีการฉ้อฉลอยู่ที่นั่น และถ้ามีอำนาจอยู่ที่ไหนมากที่สุด ก็จะมีการฉ้อฉลอยู่ที่นั่นมากที่สุด"

นายสุลักษณ์กล่าวต่อไปว่า การที่รัฐบาลใช้วิธีโกงการเลือกตั้ง และเข้ามาคุมรัฐสภามากที่สุดนั่นก็คือการฉ้อฉลมากที่สุดเช่นกัน อย่าลืมว่าอำนาจที่ปราศจากธรรมะก็คือ อำนาจของโจรและสิ่งที่จะทำให้กลุ่มสมัชชาคนจน สามารถชนะอำนาจทั้งหมดคือการใช้หลักธรรม 4 ประการคือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา และอย่าอคติกับสิ่งใด ๆ ในการแก้ปัญหาแล้วทุกสิ่งทุกอย่างจะดีขึ้นเอง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่อ.สุลักษณ์กล่าวปาฐกถาเสร็จแล้วได้ให้ข้อคิดกับสื่อมวลชนเพิ่มเติมว่า ในขณะนี้รัฐบาลโดยเฉพาะตัวนายกฯ นอกจากจะไม่สนใจคนจนแล้วจะลามไปยังคนชั้นกลาง ด้วย เขาสนใจเพียงอย่างเดียวก็คือสร้างฐานเศรษฐกิจในกับพวกพ้องของตัวเอง และกำลังจะเหมือนประเทศฟิลิปปินส์เข้าไปทุกทีที่มีการคดโกงกันมาก เนื่องมาจากรัฐบาลคิดว่าถ้าตนรวยเต็มที่แล้วประชาชนจะรวยขึ้นเอง

"รัฐจะไม่สนใจประชาชนจนกว่า เมื่อไรที่เขารู้สึกสั่นคลอนในพรรค สื่อมวลชต้องมีความกล้าหาญมากขึ้นในการท้าทายเขา และทำให้เห็นพลังของประชาชนนั่นแหละเขาถึงจะรู้สึก ตราบใดที่เขายังคิดว่าเงินซื้อได้ อำนาจเอาชนะได้ เขาก็ยังไม่เปลี่ยนเราต้องให้เวลาเขา แต่ถึงกระนั้นสื่อก็ต้องทำหน้าของตนเอง ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม สื่อต้องทำให้ประชาชนไม่หลงไปกับคำหลอกลวงที่สวยหรูของรัฐเหมือน 4 ปีที่ผ่านมา" นักวิพากษ์สังคมชื่อดังกล่าว

สิรินภา อิ่มศิริ