Skip to main content
sharethis

กรุงเทพฯ-21 มี.ค.48 ช่วงเช้าวันนี้ ที่ห้องพิจารณา 811 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรกในคดีอุ้มนายสมชาย นีละไพจิตร อดีตประธานชมรมนักกฎหมายมุสลิม ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ฟ้อง พ.ต.ต.เงิน ทองสุก อดีต สารวัตรช่วยราชการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน, พ.ต.ท.สินชัย นิ่มปุญญกำพงศ์ อดีตพนักงานสอบสวน กองกำกับการ 4 กองปราบปราม, จ.ส.ต.ชัยเวง พาด้วง อดีตผู้บังคับหมู่งานสืบสวนฯ แผนก 4 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว, ส.ต.อ.รันดร สิทธิเขต อดีตตำรวจธุรการกองกำกับการ 4 กองปราบปราม และพ.ต.ท.ชัดชัย เลี่ยมสงวน อดีตรองผู้กำกับการ 3 กองปราบปราม เป็นจำเลยที่ 1 - 5 ตามลำดับ ในความผิดฐานร่วมกันปล้นทรัพย์ และข่มขืนใจผู้อื่นให้จำยอมโดยใช้กำลังประทุษร้าย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2547

ในการสืบพยานนัดนี้ นางอังคณา นีละไพจิตร ภรรยานายสมชาย ซึ่งขอเป็นโจทก์ร่วมในคดีนี้ เดินทางมาฟังการพิจารณาคดีกับนายมะโน ทองปาน กรรมการสภาทนายความ ด้วย

พนักงานอัยการได้เบิกตัวนายมะกะตา ฮารง อดีตผู้ต้องหาคดีปล้นปืนและก่อความไม่สงบในภาคใต้ ที่อัยการสั่งไม่ฟ้อง เข้านำสืบเป็นพยานโจทก์ปากแรกสรุปความว่า พยานมีอาชีพกรีดยาง ที่จังหวัดนราธิวาส ไม่เคยถูกจับกุมดำเนินคดีใดมาก่อน ถูกตำรวจจากส่วนกลางจับกุมในข้อหาก่อความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใ ต้ เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2547 โดยตำรวจใช้ผ้าดำคลุมศีรษะ ปิดหน้าปิดตา ก่อนนำตัวไปโรงพัก โดยไม่ทราบว่าโรงพักไหน

ระหว่างถูกควบคุมตัวบนโรงพัก ตำรวจนำโซ่ตรวนมาใส่ ใช้ไฟฟ้าชอร์ต ถีบเตะตามร่างกาย และปัสสาวะรดใส่ปาก บีบบังคับให้รับสารภาพในคดีปล้นอาวุธปืนและก่อความไม่สงบในภาคใต้ แต่พยานไม่ยอมรับ พยานถูกทำแบบนี้อยู่ 2 วัน ก่อนตำรวจควบคุมตัวขึ้นเครื่องบินเดินทางเข้ากรุงเทพมหานคร พร้อมผู้ต้องหาอีก 4 คน

เมื่อมาถึงสนามบินในกรุงเทพมหานคร ตำรวจจึงเปิดผ้าที่คลุมหน้าพยานออก พบตำรวจกว่า 20 คน แต่พยานจำหน้า พ.ต.ต.เงิน ทองสุก จำเลยที่ 1 ได้คนเดียว ส่วนจำเลยอีก 4 คนในคดีนี้ พยานจำหน้าไม่ได้ เพราะไม่เคยเห็นหน้า และคนที่ทรมานพยาน จะเป็นจำเลย 5 คนนี้หรือไม่ พยานไม่สามารถระบุได้ เนื่องจากถูกปิดหน้าปิดตา
นายมะกะตา กล่าวอีกว่า ตอนถูกควบคุมตัวที่เรือนจำ มีนายสมชาย นีละไพจิตร กับนายกอดีมาพบ บอกว่าจะให้ความช่วยเหลือทางคดี ต่อมาวันที่ 10 มีนาคม 2547 นายสมชายได้ทำหนังสือขอความเป็นธรรมถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ระบุว่าพยานกับผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมมาพร้อมกัน ถูกตำรวจใช้ไฟฟ้าชอร์ต ปัสสาวะใส่ปาก ทำร้ายเตะถีบ บีบบังคับให้รับสารภาพ โดยในหนังสือร้องเรียนดังกล่าว พยานกับผู้ต้องหาทั้งหมด ได้เซ็นชื่อรับรองว่า ขอให้การปฏิเสธ ไม่ได้กระทำผิดตามที่ถูกกล่าวหา

หลังจากนั้น นายสมชายก็ไม่ได้ติดต่อกับพยานอีกเลย พยานไม่ทราบว่านายสมชายหายไปไหน แต่การหายตัวไปของนายสมชาย น่าจะเกี่ยวเนื่องจากการเข้ามาช่วยเหลือทางกฎหมายในคดี ทั้งนี้ ภายหลังจากนายสมชายทำหนังสือร้องเรียนไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ต่อมา คุณหญิงแพทย์หญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ รองผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ได้เข้าไปตรวจร่างกายพยานกับพวกที่เรือนจำ เพื่อหาร่องรอยการถูกทรมาน มีนายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ ประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา ไปร่วมตรวจสอบด้วย

ต่อมา ช่วงบ่าย พนักงานอัยการเบิกตัวนายสุกรี มะมิง อดีตผู้ต้องหาคดีปล้นปืนและก่อความไม่สงบที่อัยการสั่งไม่ฟ้อง เข้าเบิกความเป็นพยานโจทก์ปากที่ 2 สรุปความว่า พยานถูกตำรวจจับกุมก่อนนายมะกะตา ถูกซ้อมและทรมานในลักษณะเดียวกันจนทนไม่ได้ จึงต้องรับสารภาพ และยังถูกบีบบังคับให้ซัดทอดว่า นายมะกะตาอยู่ร่วมในขบวนการ ทำให้นายมะกะตาถูกจับกุมในเวลาต่อมา

นายสุกรี กล่าวต่อว่า ต่อมาพยานถูกควบคุมตัวเดินทางเข้ากรุงเทพมหานคร พร้อมกับนายมะกะตาและพวกรวม 5 คน โดยถูกแยกขังกันคนละห้อง ระหว่างนั้นมีตำรวจทยอยมาสอบปากคำ หลังจากถูกนำตัวเข้ากรุงเทพมหานคร 4 วัน มีตำรวจ 2 คนติดบัตรที่หน้าอกสังกัดกองปราบปราม มาสอบปากคำพยาน 1 ใน 2 คน พยานจำได้ว่า คือ พ.ต.ต.เงิน จำเลยที่ 1 ซึ่งพูดจาข่มขู่พยานว่า ถ้ากลับคำให้การ จะพาลูกสาวคนเล็กไปพบพระอัลเลาะห์ จากนั้น พยานถูกนำตัวไปไว้ที่เรือนจำ

ต่อมา นายสมชายมาพบบอกว่า จะให้ความช่วยเหลือทางกฎหมาย พยานจึงเล่าเรื่องที่ถูกทำร้ายและทรมานด้วยวิธีต่างๆ ให้นายสมชายฟัง และนายสมชายได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และสำนักงานอัยการสูงสุด หลังจากนั้นไม่กี่วันพยานทราบจากเพื่อนผู้ต้องขังว่า ได้ยินข่าวจากวิทยุนายสมชายหายตัวไป พยานเบิกความถึงเรื่องอื่นๆ จนเสร็จสิ้น ศาลนัดสืบพยานครั้งต่อไปในวันที่ 28 มีนาคม 2548

นางอังคณา กล่าวว่า การทำสำนวนคดีที่ผ่านมา ตำรวจไม่เคยแจ้งให้ทราบว่า มีพยานหลักฐานในคดีมากน้อยแค่ไหน แต่ในฐานะโจทก์ร่วม จะนำพยานเข้าเบิกความ เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีเพิ่มเติม เช่น พยานหลักฐานจากคุณหญิงแพทย์หญิงพรทิพย์ ที่นำกันชนท้ายรถยนต์ของนายสมชาย ไปตรวจหาร่องรอยรายละเอียด นอกจากนี้ จะนำเสนอพยานหลักฐานต่างๆ ที่ไม่อยู่ในสำนวนของตำรวจ ที่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อคดี เข้ามา เพิ่มเติมด้วย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net