Skip to main content
sharethis

เหตุเกิดที่เกาะคอเขา วันนี้พระยังอยู่ไม่ได้
เปิดบันทึก"ผู้ถูกคุกคาม" หลังเหตุการณ์ซึนามิ ตอน 3

เกาะคอเขา เป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงจาก เหตุการณ์คลื่นยักษ์ซึนามิ บนเกาะมีพื้นที่ประมาณ 40,400 ไร่ จากหัวเกาะถึงท้ายเกาะมีระยะทางประมาณ 27 กิโลเมตร มีประชากรที่เหลือรอดจากคลื่นยักษ์ซึนามิหลายร้อยครัวเรือน ส่วนที่เสียชีวิต พัดหายไปกับคลื่นก็มากมายเช่นเดียวกับพื้นที่อื่นๆที่ประสบภัย

บนเกาะคอเขา มีสำนักสงฆ์แห่งหนึ่งตั้งขึ้นริมชายหาดขาวทอดยาวไกล "สำนักสงฆ์ทุ่งตึก" ต.เกาะคอเขา อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา เป็นสำนักสงฆ์ซึ่งอยู่คู่ชุมชนบนเกาะคอเขามานาน จากประวัติศาสตร์ผ่านคำบอกเล่า สำนักสงฆ์แห่งนี้ ตั้งขึ้นอย่างเป็นรูปเป็นร่างเมื่อปีพ.ศ. 2527 โดยมีอาณาบริเวณทั้งหมด 117 ไร่ แต่หลังคลื่นยักษ์พัดมา พื้นที่สำนักสงฆ์ทุ่งตึกเหลืออยู่ 21 ไร่

"ธรณีสงฆ์ 96 ไร่ หายไปไหน"

พี่ชาญ ชาวบ้านเกาะคอเขา ซึ่งมีความจำเป็นต้องสงวนชื่อและนามสกุลไว้เพื่อความปลอดภัยในชีวิต ยอมเปิดเผยเรื่องราวการหายไปของที่ดิน 96 ไร่ ว่าพื้นที่เกาะคอเขา นี้มีเจ้าหน้าที่ซึ่งบริหารจัดการท้องถิ่น เป็นผู้มีอิทธิพลคุมอยู่ พวกเขาต้องการเอาที่ธรณีสงฆ์ไปขายให้กับหลานชายผู้มีอิทธิพล จากเมืองชลบุรี ถึงแม้ว่าผู้มีอิทธิพลคนดังกล่าวจะอยู่ในเงื้อมมือกฎหมายแล้วก็ตาม แต่ทายาทผู้สืบสายยังคงดำเนินการขยายอิทธิพลต่อไป

"ที่สำนักสงฆ์ทุ่งตึก บนเกาะคอเขา คือพื้นที่ซึ่งหลานชาย ผู้มีอิทธิพลจากเมืองชลหมายปอง"

พี่ชาญเล่าว่า กลุ่มผู้มีอิทธิพลดังกล่าวต้องการที่ดินบนเกาะเพื่อสร้างโรงแรม และที่พักอาศัยขนาดใหญ่ขึ้น อีกทั้งพื้นที่ดังกล่าว เป็นพื้นที่ทำเลดีมาก ราคาไม่ต่ำอย่างน้อยไม่ต่ำกว่าเลข 7 หลักขึ้นไป อีกทั้งกลุ่มอิทธิพลท้องถิ่นยังรู้จักมักคุ้นกับหลานชาย นักเลงเมืองชลเป็นอย่างดี การแย่งชิงพื้นที่วัดไปขายให้นายทุนจึงเกิดขึ้น

"หลังเกิดคลื่นยักษ์ใหม่ๆ ขณะที่ผมกำลังช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบภัย ได้มีกลุ่มผู้มีอิทธิพลเข้ามาในหมู่บ้าน บริเวณบ้านผู้ประสบภัย และทำการรื้อค้นข้าวของมีค่าไป ผมจึงเข้าไปห้ามไว้ พวกเขาก็เลยเอาปืนขู่ และตบผมคว่ำลงไปกับพื้น เขาขู่ว่า ไม่ใช่เรื่องของมึง อย่าเสือก มึงแน่มาจากไหน นี่พื้นที่กู คนของกูจัดการเองได้" พี่ชาญกล่าว

พี่ชาญเล่าว่า คนที่นี่อยู่ด้วยความอึดอัด ต่อมาเมื่อมีการสวมสิทธิเพื่อขโมยที่ดินของวัดไปขายเกือบร้อยไร่ คนที่นี่ก็ไม่กล้าทำอะไร เพราะอำนาจอิทธิพลครอบคลุมพื้นที่เกาะนี้ไว้หมด ทั้งตำรวจ อบต. กำนัน แม้แต่ปลัด อยู่ใต้การดูแลของกลุ่มอิทธิพลท้องถิ่น

"เราไม่เห็นด้วยที่เขาทำอย่างนี้ แต่ก็ไม่รู้จะไปร้องเรียนกับใคร แค่เราขยับเขาก็จับตามองแล้ว เขาบอกบ่อยๆว่า มึงอยากอยู่บนเกาะดีๆไหม ถ้าอยากอยู่ดีๆก็อย่าเสือก เราหวังพึ่งใครไม่ได้ โครงการอะไรลงมา ไม่ว่าจะตั้งบ่อนคาสิโน หรือตั้งโรงแรม ถึงเราไม่เห็นด้วยเราก็ทำอะไรไม่ได้ เราอยู่ท่าม
กลางความหวาดกลัว คลื่นซึนามิทำให้เราเดือดร้อนมากพอแล้ว เราไม่อยากเดือดร้อน หรือสูญเสียใครอีก"พี่ชาญกล่าว

พระสงฆ์รูปหนึ่งกล่าวกับ"ประชาไท"ว่า เดิมที่วัด 117 ไร่ และต้องการกันเอาไว้ให้โยมที่ไม่มีที่อยู่ ที่อาศัยได้มาก่อบ้านสร้างเรือนอยู่กัน แต่เมื่อมันหมดไปแล้ว ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่ปลงอนิจจัง

"ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ อาตมาเคยถูกลอบยิงมา 2 ครั้งแล้ว แต่ยังโชคดีจึงรอดมารับใช้พุทธศาสนาต่อได้ พวกเขาคิดว่าจัดการพระแก่ๆ รูปเดียวก็หมดปัญหา ทั้งที่อาตมาเองไม่ได้คิดอะไร ใครอยากได้อยากเอาอะไร ก็เอาไปเถอะ เพราะตายไป ก็เอาอะไรติดมือไปไม่ได้"

เมื่อ"ประชาไท" ถามว่าท่านหวาดกลัวไหม ท่านตอบว่า "อาตมาก็ไม่รู้จะกลัวอะไร เพราะเชื่อว่ากรรมดีเป็นอาภรณ์ของผู้ประพฤติดี ประพฤติชอบ เมื่อประกอบกรรมดีย่อมได้ผลดี เมื่อประกอบกรรมชั่วก็ย่อมต้องได้รับผลนั้นตอบกลับมา อาตมาเองก็ไม่ได้ยึดติดอะไร เขาอยากได้ที่ดินก็ให้เขาเอาไป ตอนหลังมีโยมมาบอกว่าจะย้ายสำนักสงฆ์ไปอยู่ที่อื่น อาตมาก็ยังรออยู่ว่าเขาจะเอาอาตมาไปไว้ที่ไหน"

พระคุณเจ้าเล่าให้ฟังว่า หลังคลื่นยักษ์ผ่านไป ชาวบ้านไม่กล้ามาช่วยสร้างกุฏิพระ ชาวบ้านมาบอกว่า ถ้าเขามาช่วยสร้าง เขาโดนทำร้าย เขาโดนขู่จึงไม่มีใครกล้ามา ถึงกระนั้นก็ตามขณะนี้กุฏิพระที่เสียหายไปทั้งหมด 8 หลังได้มีการซ่อมแซม และสร้างใหม่เสร็จสิ้นไปแล้ว 2 หลัง ด้วยฝีมือชาวบ้านจากอำเภออื่น ร่วมกับชาวต่างชาติช่วยสร้างให้

"อาตมา ทราบและเข้าใจความอึดอัดของชาวบ้านที่นี่ ซึ่งก็ได้แต่พูดเทศนาให้ชาวบ้านประกอบกรรมดี ตั้งมั่นอยู่ในศีล มีสติ มีสมาธิในการแก้ไขปัญหา เพราะใครหว่านพืชเช่นไรย่อมได้ผลเช่นนั้น อาตมาเองไม่รู้ว่าจะมีโอกาสอยู่รับใช้พระพุทธศาสนาไปถึงเมื่อไร เพราะโชคดีมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งที่ 3 คงไม่โชคดีอย่างเดิมแล้ว"พระคุณเจ้ากล่าวด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี

นี่คือคำตอบว่าที่ดินของวัดหายไปไหน ที่ดินยังคงอยู่ที่เดิม แต่กลายเป็นว่ามี"โฉนดบิน" เข้ามาสวมสิทธิ์ไปแทน ชาวบ้านที่นี่อยู่ในสภาพน้ำท่วมปาก คำพูดที่ว่า "มึงอยากอยู่ที่นี่ดีๆไหม" ดูจะกลาย
เป็นประกาศิตทำให้คนที่นี่ก้มหน้ารับชะตากรรม ยอมตกอยู่ใต้การครอบงำของ"คลื่นอิทธิพล ที่ข่มเหงรังแก ทำร้ายร่างกาย ขู่หมายขวัญ หรือแม้แต่การ"ลอบยิงพระ"

คำพูดสุดท้ายของพี่ชาญดูจะบอกความรู้สึกต่อสถานการณ์ในพื้นที่นี้ได้ดี

"เราไม่อยากมีปัญหากับเขา เราไม่อยากสูญเสียใครอีกแล้ว ที่ผ่านมาเราเดือดร้อน เราสูญเสียมากพอแล้ว"

เกาะคอเขา พื้นที่งดงามราวกับหาดสวรรค์แห่งนี้"คลื่นอิทธิพล และอำนาจมืด"ได้แผ่ขยาย พัดกระหน่ำซ้ำเติมคนที่นี่อย่างบ้าคลั่ง

ศิริรัตน์ อนันต์รัตน์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net