เรื่องการเจรจาจัดทำเขตการค้าเสรีระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกา
เนื่องด้วยในระหว่างวันที่ 4-8 .0เมษายน พ. ศ. 2548 นี้ จะมีการเจรจาจัดทำความตกลงเขตการค้าเสรี ( Free Trade Area : FTA ) ระหว่างประเทศไทยกับประเทศสหรัฐอเมริกา ณ เมืองพัทยา การเจรจาในครั้งนี้ เป็นการเจรจาในรอบที่ 3 ภายหลังจากมีการเจรจาไปแล้วสองรอบ ณ มลรัฐฮาวาย ประเทศสหรัฐ ซึ่งทางสหรัฐได้ยื่นข้อเรียกร้องเป็นเอกสารต่อฝ่ายไทยแล้วหลายเรื่อง เช่น เรื่องการคุ้มครองลิขสิทธิ์ เรื่องการคุ้มครองเครื่องหมายการค้า เรื่องการเปิดเสรีด้านการลงทุน เป็นต้น ในการเจรจารอบที่ 3 นี้ เป็นที่คาดหมายว่า ทางสหรัฐจะยื่นข้อเรียกร้องที่เหลือให้ครบทุกด้าน
โดยเฉพาะเรื่องการคุ้มครองสิทธิบัตร ทั้งในประเด็นเรื่องการขยายเวลาการคุ้มครองให้มากกว่า 20 ปี , การคุ้มครองสิทธิบัตรในสิ่งมีชีวิตทุกประเภท , การจำกัดการใช้มาตรการบังคับในสิทธิ ( Compulsory Licensing ) เป็นต้น ซึ่งล้วนเป็นข้อเรียกร้องเพื่อการคุ้มครองผลประโยชน์ทางธุรกิจของบริษัทเอกชนของสหรัฐทั้งสิ้น
ในการนี้ องค์กรภาคประชาสังคม นักวิชาการ และประชาชนดังที่มีรายชื่อปรากฏแนบท้ายจดหมายฉบับนี้ ได้ศึกษาและติดตามข้อตกลงเขตการค้าเสรีระหว่างสหรัฐฯและประเทศต่างๆ มีข้อเรียกร้องและข้อเสนอต่อรัฐบาลไทย ให้หยุดการเจรจาครั้งที่ 3 เพื่อกำหนดจุดยืนและท่าทีในการเจรจา FTA กับสหรัฐอเมริกาอย่างถี่ถ้วน ดังนี้
1. ให้นำประเด็นเรื่องการขยายหรือการเพิ่มความเข้มงวดในการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาออกจากการเจรจา FTA เนื่องจากเป็นข้อตกลงที่เข้มงวดกว่าที่กำหนดในข้อตกลงทริปส์ขององค์การการค้าโลก และ การให้สิทธิผูกขาดสิ่งมีชีวิตตามระบบสิทธิบัตรเป็นเรื่องที่ขัดกับหลักการค้าเสรี และจะก่อให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรงและกว้างขวางต่อประชาชนไทยในการเข้าถึงยารักษาผู้ป่วย ทำให้พันธุ์พืชพันธุ์สัตว์มีราคาสูงขึ้น สร้างปัญหาการผูกขาดปัจจัยการผลิตทางการเกษตรโดยอาศัยการคุ้มครองสิทธิบัตรสิ่งมีชีวิต ฯลฯ
นอกจากนี้ ภายใต้ความตกลงเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาที่มีอยู่ในองค์การการค้าโลก ประเทศไทยก็ได้ปฏิบัติตามอย่างสอดคล้องอยู่แล้ว จึงไม่มีเหตุผลชอบธรรมที่จะต้องมีการกำหนดข้อบังคับเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาเพิ่มเติมขึ้นอีกในข้อตกลง FTA โดยเฉพาะในประเด็นการขยายการคุ้มครองสิทธิบัตรและการผูกขาดข้อมูล (Data exclusivity )
2. ให้มีการจัดทำประชามติ ( Referendum ) ของประชาชนในการตัดสินใจว่าประเทศไทยจะลงนามข้อตกลงเขตการค้าเสรีกับประเทศสหรัฐอเมริกาหรือไม่ เนื่องจากการลงนามข้อตกลง FTA เป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อประเทศไทย ต่อชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยในทุกสาขาอาชีพ ทั้งในวันนี้และในอนาคต การจัดทำประชามตินี้เป็นเรื่องหนึ่งที่สอดคล้องกับคำประกาศของนายกรัฐมนตรีในสุนทรพจน์ที่ได้กล่าวในโอกาสได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นสมัยที่ 2
3. ให้มีการสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวางของภาคประชาชนในการเจรจา ทั้งในระดับการร่วมรับรู้ข้อมูล การร่วมแสดงความคิดเห็น และระดับการร่วมตัดสินใจ อันจะก่อให้เกิดประโยชน์อย่างยิ่งต่อคณะผู้เจรจาของไทย ทำให้ได้รับข้อมูล ข้อเสนอแนะเพื่อการเจรจาอย่างครบถ้วนรอบด้าน และยังเป็นการเพิ่มอำนาจการต่อรองเจรจาได้อีกทางหนึ่ง ทั้งนี้ ในกระบวนการเตรียมการเจรจาที่ผ่านมาของไทย เป็นการดำเนินการของคณะบุคคลที่อยู่ในวงจำกัดเป็นอย่างยิ่ง
หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ข้อเสนอในจดหมายฉบับนี้ซึ่งจัดทำขึ้นบนพื้นฐานการรักษาปกป้องผลประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้ง จะได้นำไปสู่การพิจารณาและนำไปปฏิบัติให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
ขอแสดงความนับถือ