ประชาไท - 29 มี.ค.48 นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ ประธานกรรมาธิการ (กมธ.) พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ วุฒิภสภา กล่าวว่า การอภิปรายของรัฐสภากรณีปัญหาความรุนแรงในภาคใต้ในวันพรุ่งนี้ (30 มี.ค.) กมธ.ทั้ง 3 คณะ คือ กมธ.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กมธ.การต่างประเทศ กมธ.วิสามัญศึกษาปัญหาความมั่นคงในจังหวัดภาคใต้ ชี้แจงถึงนโยบายที่ไม่ถูกต้องของรัฐบาลในการแก้ปัญหาความรุนแรง แต่ด้วยเวลาจำกัดเพียง 15 นาทีจึงจะเน้นข้อเสนอของแนะของกมธ. ซึ่งสังเคราะห์ข้อมูลจากการลงพื้นที่ และการเชิญผู้เกี่ยวข้องในมิติต่างๆ เข้ามาชี้แจง โดยทั้งหมดมุ่งทำความเข้าใจกับประชาชนเป็นหลัก

ทั้งนี้ เอกสารรายงานของกมธ. เรื่อง "กรณีความรุนแรงที่ตากใบกับปัญหาความมั่นคงของมนุษย์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้" จะมีการสำเนาแจกสมาชิกรัฐสภาและสื่อมวลชนในวันพรุ่งนี้ด้วย ซึ่งภายในเนื้อหามีการรวมรวมข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งตั้งข้อสังเกตว่า เจ้าหน้าที่ขาดความพร้อม และบกพร่องต่อหน้าที่ในการเผชิญเหตุโดยสันติ อีกทั้งการใช้กำลังของเจ้าหน้าที่อาจเข้าข่ายเป็นการกระทำไม่ชอบด้วยกฎหมาย

นอกจากนี้ยังมีข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลและผู้เกี่ยวข้อง 9 ประการ คือ 1. รัฐบาลควรดำเนินคดีต่อผู้กระทำความผิดในทางอาญา และเรียกร้องให้ชดใช้ความเสียหายทางแพ่งด้วย 2.รัฐบาลควรเร่งรัดกระทรวงยุติธรรม กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ให้มีการจ่ายค่าเสียหายแก่ผู้ชุมนุมซึ่งเป็นผู้เสียหาย ถูกกระทำความผิดต่อชีวิตและร่างกาย

3. รัฐบาลควรต้องอำนวยความสะดวกแก่ผู้นำศาสนาทั้งพุทธและมุสลิมในพื้นที่ให้ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางของชุมชนในการรวบรวมข้อมูลผู้สูญหายจากเหตุการณ์เพื่อเร่งรัดติดตาม ตลอดจนมีส่วนร่วมในการแสวงหาวิธีการเยียวยาบาดแผลในใจของประชาชนในพื้นที่ 4. สิ่งจำเป็นเร่งด่วนที่ครอบครัวของประชาชนผู้สูญเสียต้องการมากที่สุดในขณะนี้ คือ "การแสวงหาความจริง" และ "การแสดงความรับผิดชอบ" ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

5. รัฐบาลควรดำเนินการทุกวิถีทางให้เกิดความเชื่อมั่นต่อระบบกฎหมาย และความเป็นธรรมของบ้านเมือง โดยอาศัยมาตรการการมีส่วนร่วมของประชาชน ที่เน้นความหลากหลายทางสังคม ศาสนา และวัฒนธรรมอย่างเร่งด่วน 6.เหตุการณ์ความรุนแรงตอบโต้ระหว่างผู้ก่อความไม่สงบกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ และระหว่างรัฐกับผู้ก่อความไม่สงบ ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่จำนวนมาก ต้องสูญเสียโอกาสในการประกอบอาชีพและศึกษาเล่าเรียน ซึ่งมีผลกระทบต่อการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของทรัพยากรมนุษย์ไปอย่างสำคัญ

7. รัฐบาลควรระมัดระวัง ยึดมั่นในสันติวิธี กฎหมาย และหลักนิติธรรม มิให้เกิดกรณีน้ำผึ้งหยดเดียว ไม่เดินเข้าไปติดกับดักของความรุนแรง ไม่สร้างเงื่อนไขใหม่ซ้อนทับปัญหาเดิมเพราะจะแก้ไขยากมากขึ้น 8. นายกรัฐมนตรีควรจะปรับปรุงท่าที และระมัดระวังถ้อยคำที่กล่าวต่อสาธารณชนให้มีความรอบคอบยิ่งกว่านี้ 9.ฝ่ายรัฐบาลโดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี ควรต้องเร่งแก้ไข นำความจริงมาสร้างสมานฉันท์ โดยไม่มองว่าผู้วิพากษ์วิจารณ์หรือตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่และรัฐบาลเป็นคนไม่รักชาติรักแผ่นดิน

ทั้งนี้ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อเสนอแนวทางแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยไม่มีการลงมติ และการแก้ปัญหาความยากจน ในวันที่ 30 - 31 มีนาคม นี้ จะเริ่มอภิปรายในเวลา 09.30 น. ใช้เวลาอภิปรายวันละ 12 ชั่วโมง รวม 2 วัน 24 ชั่วโมง

โดยจัดสรรเวลาให้กับวุฒิสมาชิก ฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายละ 8 ชั่วโมง หัวหน้าพรรคฝ่ายค้านอภิปรายได้ไม่จำกัดเวลา ขณะที่ คณะรัฐมนตรีได้เวลาในการชี้แจง วันละ 1 ชั่วโมง แต่จะไม่จำกัดเวลาการชี้แจง