Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

ซันนี่ อินบาราช - ไอพีเอส
-------------------------
กาฏมัณฑุ (ไอพีเอส) -- สำหรับนักจัดรายการแห่งสถานีวิทยุชุมชนอย่างกามา ราช ลุยเทล,ชีวิตประจำวันตกอยู่ในอันตรายภายใต้ภาวะฉุกเฉินของเนปาล,ประเทศที่ผู้คนอาจถูกจำขังได้ทุกขณะ

เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์,ในทันทีที่กษัตริย์จียาเนนทราสั่งปลดรัฐบาลและประกาศภาวะฉุกเฉินนั้น สถานีวิทยุทุกแห่งได้รับคำสั่งให้ยุติการกระจายเสียงรายการข่าวทุกชนิด ทำได้เพียงการเปิดเพลง

แต่สถานี "เรดิโอ ซาการ์มาธา" ที่เอฟเอ็ม 102.4 เม็กกะเฮิร์ตซ์ตัดสินใจท้าทายคำสั่ง ลุยเทลในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายรายการสั่งให้ผู้จัดรายการทุกคนดำเนินรายการเกี่ยวกับสาธารณะประโยชน์ต่อไป แต่ก็มิได้นำข่าวมาออกอากาศ

"ทางกระทรวงข่าวสารและคมนาคมได้ออกคำสั่งอย่างเคร่งครัดมิให้ออกอากาศรายการใดๆ ไม่ว่าจะเป็นการสัมภาษณ์,ข่าว,ทอล์คโชว์ และการสนทนาทางโทรศัพท์กับผู้ฟัง พวกเราทำได้เพียงเปิดเพลงออกอากาศเท่านั้น" เขาว่า

"แต่สถานีของเราเป็นสถานีวิทยุชุมชน เรามีความรับผิดชอบที่ต้องแจ้งข่าวให้สาธารณชนทราบ จะเอาแต่เปิดเพลงไม่ได้" ลุยเทลกล่าวกับไอพีเอส.ในการให้สัมภาษณ์

รายการที่สถานี "เรดิโอ สการ์มาธา" ยังฝืนออกอากาศอยู่นั้นมีเนื้อหาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม,ปัญหาเกี่ยวกับเพศ และการปกครองแบบธรรมรัฐ

กระนั้น,ลุยเทลยอมรับว่าเป็นเรื่องยากที่จะตัดข่าวออกไปจากรายการเหล่านี้

"เกมที่เราเล่นอยู่เสี่ยงอันตรายมาก แต่เราทุกคนในสถานนีพร้อมที่จะโดนจับตลอดเวลา เราไม่กลัวติดคุก" เขาว่า

"เรายึดมั่นในความเชื่อของเราที่ว่าเรามีสิทธิที่จะแจ้งข่าวสารตามความเป็นจริง สิทธินี้ต้องไม่ถูกใครยึดเอาไป" ลุยเทลกล่าว

ตามการแถลงขององค์กรฮิวแมนไรท์วอชแห่งนิวยอร์ค,นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษย์ชนรวมทั้งสื่อมวลชน,นักกฏหมาย,นักศึกษาและนักเคลื่อนไหวทางการเมืองถูกจำคุกอยู่ถึง 600 คนนับแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์

อย่างไรก็ตาม, "เรดิโอ ซาการ์เมธา" ถูกบังคับให้ปิดรายการที่ชื่อ "รณรงค์เพื่อสันติภาพ" ที่เปิดโอกาสให้ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายเหมาอิสต์เสนอจุดยืนของตน

สมาชิกของกลุ่มเหมาอิสต์โทรศัพท์เข้าไปยังสถานีจำนวนมาก เพื่อเสนอความคิดแก้ไขความขัดแย้งในเนปาล

"รายการนี้ถูกสั่งปิดโดยสิ้นเชิง กองทัพต้องการให้เราหยุดออกอากาศ" ลุยเทลกล่าว

ในการปราศรัยผ่านสถานีโทรทัศน์ของรัฐเพื่อประกาศภาวะฉุกเฉิน,กษัตริย์จียาเนนทรากล่าวหารัฐบาลว่าล้มเหลวในการจัดการเลือกตั้ง ทั้งไม่สามารถจัดการกับกลุ่มขบถเหมาอิสต์ซึ่งทำให้ชาวเนปาลีเสียชีวิตไปแล้ว 1,1000 คนในช่วงเก้าปีที่ผ่านมา

ผอ.สถานี "ซาการ์มาธา" เล่าถึงเหตุการณ์ในคืนวันที่ 1 กุมภาพันธ์ว่า "เป็นประสบการณ์ที่ขมขื่น ตอนนั้นเราทุกคนอยู่ที่สถานีเพื่อเฝ้าดูกษัตริย์ประกาศภาวะฉุกเฉินทางทีวี.ในเวลาประมาณ 2 ทุ่ม"

"ขณะที่พระองค์กำลังปราศรัย,ผมมองออกไปนอกหน้าต่างเห็นทหาร 15 คนเข้ามายังสถานี ร้อยเอกที่นำทหารเข้ามาถามผมว่าใครรับผิดชอบสถานีนี้ ผมตอบว่าตัวผมเอง" ลุยเทลเล่า

เขาเสริมว่า "เขาสั่งให้ผมหยุดออกรายการข่าว ให้เปิดได้แต่ดนตรี และในระหว่างเปิดเพลงก็ห้ามไม่ให้พูด"

"แต่ในตอนนั้นเรานำคำปราศรัยของกษัตริย์มาเปิด เราท้าทายเพราะเรามีหน้าที่ที่จะแจ้งให้ผู้ฟังทราบว่ามีการประกาศภาวะฉุกเฉินแล้ว" เขาเล่า

ที่จริง,สถานีวิทยุชุมชนกระจายเสียงไปทั่วหุบเขากาฏมัณฑุ ที่กินอาณาบริเวณทั้งเมืองหลวงและเมืองบริวารเช่นลาลิทปูร์,บัคตาปูร์ และเมืองใกล้เคียงอื่นๆรวมทั้งหมดแปดอำเภอ

"เรดิโอ ซาการ์มาธา" มีผู้ฟังทั้งหมดราว 1.5 ล้านคนจากผู้คนทั้งหมดราว 5 ล้านคนในพื้นที่ที่ส่งสัญญาณเอฟเอ็ม.ไปถึง

"เราพัฒนาสถานีให้เป็นเวทีถกเถียงสาธารณะ ในรายการประจำวันผู้ฟังสามารถโทรเข้ามาเพื่อมีส่วนร่วมในการถกเถียง เราสามารถวิจารณ์นโยบายของรัฐได้อย่างมีชีวิตชีวา" ลุยเทลกล่าว

ด้วยเหตุนี้,หลังจากกษัตริย์ยึดอำนาจ รัฐบาลของจียาเนนทราต้องการให้ปิดสถานีวิทยุเอฟเอ็มทั้ง 43 แห่ง

"ผมคิดว่าเราถูกหมายหัว เพราะพวกเขาคิดว่าเราคุกคามเขา และคิดว่าสถานีวิทยุเอฟเอ็มอันตราย เนื่องจากสามารถกระตุ้นผู้คนให้ลุกขึ้นมาปฏิวัติได้" ลุยเทลอธิบาย

ผู้จัดรายการในสถานีวิทยุแห่งนี้กล่าวว่าสถานีของพวกเขากำลังย่ำแย่ รายได้จากการโฆษณากำลังหายไปหลังจากรัฐบาลบังคับให้ยุติการกระจายเสียงรายการข่าวของบีบีซี.ภาคภาษาเนปาล

"มันเป็นรายได้หลักของเรา เจ้าของสินค้าส่วนใหญ่ต้องการให้โฆษณาก่อนรายการของบีบีซี.หรือโฆษณาทันทีหลังจากจบรายการ" ลุยเทลกล่าว

"ตอนนี้เราสูญเสียรายได้จากค่าโฆษณาถึง 75% นับแต่มีการประกาศภาวะฉุกเฉิน" เขากล่าว และว่า "มันเป็นช่วงที่ลำบากอย่างยิ่ง เราเคยมีรายได้เดือนละ 150,000 รูปี (ราว 86,920 บาท) แต่ตอนนี้รายได้จากโฆษณาเหลือเพียง 25,000 รูปี (14,480 บาท) ต่อเดือนเท่านั้น"

หน้าที่ของลุยเทลคือจูงใจเพื่อนร่วมงานให้ผจญกับความลำบาก กระนั้นเขายอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

"รายได้จากการโฆษณาตอนนี้ยากที่จะทำให้เราอยู่รอด เป็นเรื่องเจ็บปวดสำหรับผมที่คิดว่าจะต้องลดเพื่อนร่วมงานลงเพื่อทำให้เราอยู่ต่อไปได้"

MEDIA-NEPAL: Living Dangerously With the Censors
By Sonny Inbaraj

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net