Skip to main content
sharethis

ศูนย์ข่าวภาคเหนือ-21 เม.ย.48 หลังจากบ่ายวันนี้ ที่ประชุมรัฐสภาได้ลงมติเห็นชอบในร่างกฎหมายทั้ง 41 ฉบับ ที่รัฐบาลทำการยืนยันเพื่อดำเนินการต่อ ซึ่งรวมทั้งร่างพ.ร.บ.ป่าชุมชน ที่ยังค้างพิจารณาอยู่ในชั้นกรรมาธิการร่วมระหว่างสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาด้วยนั้น

นายเดโช ไชยทัพ ผู้ประสานงานมูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน แกนนำในการรวบรวมและผลักดันกฎหมายดังกล่าว ยังคงแสดงความกังวลว่า หลังจากนี้อาจจะมีการถ่วงเวลาให้ยืดเยื้อออกไป โดยรัฐบาลไม่ยอมหยิบยกร่าง พ.ร.บ.ป่าชุมชน มาพิจารณาในวาระต่อไปเหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ดังนั้น สื่อมวลชนต้องเป็นฝ่ายกระตุ้นกระทุ้งให้มีการเดินหน้าให้ได้

"ที่น่าเป็นห่วงมากอีกอย่างคือ ในเรื่องสัดส่วนของคณะกรรมาธิการร่วม ซึ่งถือว่าเป็นหัวใจสำคัญที่จะมีส่วนผลักดันเป็นกฎหมายได้ ก่อนหน้านั้นเคยมีการนำรายชื่อนักวิชาการ และตัวแทนแต่ละชุมชนเข้าไปเป็นคณะกรรมาธิการร่วมกับส.ว.และส.ส.แล้ว ถ้าทุกฝ่ายมีความจริงใจแค่วันเดียวก็ผ่านได้ และถ้ากฎหมายนี้ผ่านก็ถือว่าสามารถสร้างบรรทัดฐานในการออกกฎหมายที่ประชาชนได้เข้าไปมีส่วนร่วมโดยตรง" นายเดโชกล่าว

นายนิคม พุทธา ประชาคมอำเภอเชียงดาวและผู้ประสานงานเครือข่ายป่าชุมชนลุ่มน้ำปิงตอนบน กล่าวถึงการตั้งกรรมาธิการร่วมระหว่างสภาล่างและสภาบนว่า ที่ผ่านมา เคยมีการตั้งคณะกรรมาธิการร่วม จำนวน 24 คน ซึ่งถือว่ามีสัดส่วนที่น้อย

"เอาเข้าจริงกรรมาธิการร่วม 24 คนส่วนใหญ่ไม่ยอมเข้าประชุมกัน ดังนั้นจึงอยากให้เพิ่มกรรมาธิการเป็น 36 คน หรือมากกว่านั้น และขอให้ตั้งผู้ที่มีความรู้ มีความสนใจ หรือผู้เชี่ยวชาญในการจัดการป่าชุมชนโดยเฉพาะ ไม่ใช่ว่าจะเอาคนใดก็ได้" นายนิคม กล่าว

นายนิคมกล่าวต่อว่า ร่างกฎหมายป่าชุมชนที่ประชาชนเป็นผู้ยกร่างขึ้นมาตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ เป็นบททดสอบระบอบประชาธิปไตยที่ทั้งฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติจะต้องเห็นความสำคัญ โดยเฉพาะพรรคไทยรักไทยที่มีเสียงข้างมากในสภา โดยก่อนหน้านั้นสมาชิกพรรคทั่วประเทศ ต่างหาเสียงชูนโยบายเอาไว้ว่า พร้อมจะผลักดันให้เกิดกฎหมาย พ.ร.บ.ป่าชุมชน

"หาก ส.ส.ท่านใด ไม่ยอมยกมือหนุนร่าง พ.ร.บ.ป่าชุมชนผ่านเป็นกฎหมาย ก็จะทำให้ประชาชนขาดความเชื่อถือ และยังถือว่าเป็นการดูถูกประชาชนด้วย" นายนิคมกล่าว

ด้านนายนิคม บุญเสริม ผู้อำนวยการโครงการพะเยาเพื่อการพัฒนา จ.พะเยา กล่าวว่า ที่ผ่านมา หลายฝ่ายยังขาดความเข้าใจในเรื่อง พ.ร.บ.ป่าชุมชน กันอยู่ ไม่ว่าระหว่างภาครัฐและภาคประชาชน และระหว่างประชาชนกับประชาชนด้วยกัน หลังจากนี้จะต้องชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจ ในเรื่องข้อเท็จจริง และขั้นตอนการทำงานร่วมกัน

"อยากให้เห็นวิธีการทำงานใหม่ และอยากเห็นรัฐมีความจริงใจ เพราะว่า พ.ร.บ.ป่าชุมชน มีความสำคัญต่อการจัดการป่าไม้ในเมืองไทย อยากให้มองเห็นความหมายให้ลึกลงไปกว่าการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ แต่อยากให้มองลึกลงไปในเรื่อง การแก้ปัญหาความยากจนให้กับชาวบ้านด้วย โดยเฉพาะเรื่องความมั่นคงทางอาหาร ที่หลายชุมชนมีการพึ่งพารายได้จากป่ากันมานาน" นายนิคม กล่าว

องอาจ เดชา

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net