จากกรณีที่นายมานพ รัตนจรุงพร ผู้สื่อข่าวท้องถิ่น เครือมติชน ประจำจังหวัดพังงา และประธานชมรมสื่อมวลชน จังหวัดพังงา ถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนลูกซอง 5 นัดยิงใส่บริเวณด้านหน้ารถ และใช้อาวุธปืน 11 มม. ยิงเข้าใส่กระสุนถูกที่บริเวณต้นขาซ้าย ขณะกลับจากสวนในตำบลนาเตย อำเภอท้ายเหมือง แต่รอดชีวิตมาได้ โดยนายมานพ คาดว่าสาเหตุที่ถูกหมายชีวิตน่าจะมาจากการทำหน้าที่ผู้สื่อข่าว ซึ่งขุดคุ้ยความไม่ชอบมาพากลต่าง ๆ ในเรื่องที่ดินของกลุ่มนายทุนและผู้มีอิทธิพลทั้งในและนอกพื้นที่ อาทิ การบุกรุกที่ป่าชายเลนในพื้นที่อำเภอท้ายเหมือง การออกเอกสารสิทธิในที่ดินของนักการเมืองระดับชาติคนหนึ่งในพื้นที่อำเภอปะกง เป็นต้น
คณะกรรมการรณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อ (คปส.) ขอร่วมแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์อันน่าสลดดังกล่าว รวมทั้งขอประณามการกระทำอันอุกอาจที่คุกคามชีวิตของนักวิชาชีพสื่อมวลชน
คปส. เกรงว่า สังคมไทยจะย้อนกลับสู่ภาวะที่ผู้ทรงอิทธิพลและสูญเสียผลประโยชน์จากการสืบค้นความจริง จะใช้วิธีการอันรุนแรงคุกคามชีวิตการทำงานของสื่อมวลชนมากขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต โดยเฉพาะสื่อมวลชนท้องถิ่นที่มีความเสี่ยงสูงในการถูกคุมคามจากอำนาจมืด
คปส. ขอเรียกร้องให้รัฐบาลสอดส่องดูแลการใช้อำนาจมืดของกลุ่มอิทธิพลดังกล่าว รวมทั้ง เร่งพิสูจน์ความเป็นจริงของลอบสังหารครั้งและนำผู้บงการมารับความผิดโดยเร็ว เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับสังคม รวมถึงการสร้างหลักประกันถึงสวัสดิภาพการทำงานของสื่อมวลชนและประชาชน ในพื้นที่ที่มีความขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์สูง
คปส. ขอเป็นกำลังใจให้ นักข่าวและสื่อมวลชนทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ ที่มุ่งมั่นกล้าหาญทำงานเพื่อความถูกต้อง และ ขอให้นักวิชาชีพสื่อทุกแขนงมีพลังใจในการทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งต่อไป อีกทั้งขอให้สังคมไทยรวมทั้งองค์กรวิชาชีพตระหนักถึงภัยคุกคามและร่วมกันสร้างกลไกเพื่อคุ้มครองและป้องกันความเสี่ยงของนักวิชาชีพ ในภาวะที่สถานการณ์เรื่องสิทธิมนุษยชนในประเทศไทยอยู่ในภาวะถดถอยลงไปทุกวัน
คณะกรรมการรณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อ (คปส.) 3 มิถุนายน 2548