Skip to main content
sharethis

ระบบโซตัส เกิดขึ้นจากระบบอาวุโสในโรงเรียนกินนอนของอังกฤษ (Public School) ทั้งสถาบันของพลเรือนอย่าง Oxford และ Cambridge และโรงเรียนนายร้อย Sand Hurst ที่ฝึกคนไปปกครองอาณานิคม ประมาณปี 1850 โรงเรียนทหารของสหรัฐจึงนำไปพัฒนาเป็นระบบโซตัส ที่เข้มข้นขึ้นเพื่อใช้ฝึกให้นักเรียนนายร้อยเหล่านี้มีความสามัคคี เข้มแข็งโดยมี ประเพณีรับน้องใหม่ (Initiation ritual) ที่ทดสอบความอดทน ของน้องใหม่ มีการขู่ตะคอก (Scold) หรือว้าก หรือการดูหมิ่นต่างๆ เป็นต้น ต่อมาระบบนี้ก็ได้แพร่หลายไปตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วสหรัฐ มีการตั้งกลุ่ม Fraternity ของนักศึกษาชาย และกลุ่ม Sorority ของ นักศึกษาหญิง ซึ่งกลุ่มทั้ง 2 แบบก็จะมีการรับน้องของกลุ่ม และระบบนี้ก็ถูกนำไปใช้ที่ University of the Philippines (UP) หลังจากที่ฟิลิปปินส์ ตกเป็นอาณานิคมของสหรัฐนิคมของสหรัฐในปี ค.ศ. 1900

โซตัสลามเข้าไทย เมื่อมีการก่อตั้งวชิราวุธวิทยาลัยตามแบบโรงเรียนกินนอนในอังกฤษ เมื่อมีการตั้งโรงเรียนนายร้อยสำหรับฝึกทหารและตำรวจ เพื่อส่งคนไปปกครองตามหัวเมืองต่างๆ และดินแดนอดีตอาณานิคมของสยาม อย่างล้านนา อีสาน มลายูปัตตานี ที่ทั้งหมดเพิ่งถูกผนวกรวมเป็นส่วนหนึ่งของรัฐชาติสมัยใหม่หลัง ร.5 เป็นต้นมา

เมื่อก่อตั้งโรงเรียนข้าราชการพลเรือนซึ่งต่อมากลายเป็นจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบบอาวุโสถูกนำไปใช้ที่นั่น และหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มีการตั้งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มีการส่งคณาจารย์รุ่นแรกๆ ไปเรียนเกษตรที่ Cornell University สหรัฐอเมริกา กับ University of the Philippines ที่ฟิลิปปินส์ ระบบโซตัสจึงเริ่มที่มหาวิทยาลัยเกษตร และแพร่ขยายไปทั่วประเทศ ลามไปที่จุฬาด้วย ขณะที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก่อตั้งตามแบบมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และการเมือง (Ecole des Sciences et Politiques) ของฝรั่งเศสจึงไม่มีระบบนี้ โดยมหาวิทยาลัยในภาคพื้นยุโรป จะไม่มีการรับน้อง ไม่มีระบบอาวุโส หรือยึดติดกับสถาบันมากเท่า พวก อังกฤษและอเมริกา (Anglo-Saxon)

"โซตัส" ในสายตาวิทยากร เชียงกูล

นายวิทยากร เชียงกูล คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิตเคยวิเคราะห์ไว้ว่า กลุ่มสำคัญที่จำเป็นต้องได้รับการเปลี่ยนทัศนคติคือครู อาจารย์ ซึ่งส่วนใหญ่สอนแบบอำนาจนิยม เอาตัวเองและตำราเป็นศูนย์กลาง ใช้การสอบเป็นเครื่องมือควบคุมทำให้เด็กได้รับค่านิยมแบบเกรงกลัวในอำนาจ และนิยมใช้อำนาจต่อไปเป็นทอด ๆ กล่าวคือเด็กที่ถูกพ่อแม่ครูใช้อำนาจ ก็จะไประบายอำนาจกับน้อง, รุ่นน้อง, เด็กเล็กกว่า, อ่อนแอกว่า, สัตว์เลี้ยง ฯลฯ คนรวยรังแกคนจน, คนฉลาดรังแกคนโง่

ครูควรได้รับการศึกษาใหม่ว่า ครู หรืออาจารย์ควรเป็นผู้ชี้แนะให้นักเรียน นักศึกษาได้ศึกษาแบบพัฒนาศักยภาพตนเองได้มากที่สุด ไม่ใช่การสอนแบบอัดข้อมูลใส่หัว ให้ท่องจำข้อมูลเพื่อสอบผ่าน การเรียนรู้ที่แท้จริงต้องมีการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ ประยุกต์ใช้แก้ปัญหาได้เป็น ครูต้องช่วยชี้แนะให้นักเรียน นักศึกษาได้เห็นจุดอ่อนที่จะปรับปรุงพัฒนาตนเองเป็นจุดสำคัญ

การปกครองและการบริหารในสถาบันการศึกษาควรเป็นแบบประชาธิปไตยเพื่อที่จะพัฒนาเป้าหมายคือนักเรียนนักศึกษาให้เรียนรู้ได้มากที่สุด ทั้งไอคิว อีคิว (ความฉลาดทางอารมณ์, เอสคิว-ความฉลาดด้านจิตสำนึกเพื่อส่วนรวม) แทนการบริหารแบบสั่งจากบนลงล่างเหมือนกับโรงงานอุตสาหกรรมผลิตหุ่นยนต์ หรือใช้ระบบอาวุโส ระบบโซตัสที่เป็นรากเหง้าของระบบเผด็จการ และระบบอุปถัมภ์ในสังคมไทย ซึ่งไม่ช่วยให้นักเรียนนักศึกษาพัฒนาตนเองเป็นเป็นกำลังสร้างสรรค์สังคมได้อย่างแท้จริง

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net