เอเอฟพี/ประชาไท- นายกรัฐมนตรีฮุน เซ็นเผยไม่สนสหรัฐฯที่จัดอันดับให้กัมพูชาอยู่ในบัญชีดำประเทศที่มีปัญหาการค้ามนุษย์สูงสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการค้าเด็กเพื่อการประเวณี จัดอยู่ใน Tier 3 เช่นเดียวกับเกาหลีเหนือและพม่า

ต่อกรณีที่ได้มีรายงานจากกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯในการจัดอันดันชั้นให้กับประเทศต่างๆในเรื่องการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ในสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ปรากฎว่า กัมพูชาถูกจัดอยู่ในขั้นที่ 3 และอยู่ในบัญชีดำ (tier 3 blacklist- หมายถึงประเทศที่มีปัญหาที่เลวร้ายที่สุดและการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาได้น้อยที่สุด หรือ ไม่มีการแก้ปัญหา)

"ตอนที่สหรัฐฯบอกว่าเราดี เราก็เป็นแบบนี้ และตอนที่สหรัฐฯว่าเราไม่ดีเราก็เป็นแบบนี้ ไม่มีอะไรต่างกันเลย" สมเด็จฮุน เซ็นนายกรัฐมนตรีกล่าว

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีกัมพูชายังกล่าวหาสหรัฐฯอีกด้วยว่าที่ความทุกข์ยากที่เกิดขึ้นกับประชาชนกัมพูชาในประเทศยากจนแห่งนี้ก็เป็นเพราะการทิ้งระเบิดของสหรัฐฯในช่วงทศวรรษ 1960 ตอนที่สหรัฐฯต้องการจะขจัดคอมมิวนิสต์เวียดนามที่ซ่อนตัวอยู่บริเวณชายแดน

"จนถึงทุกวันนี้ก็ยังมีชาวกัมพูชาจำนวนไม่น้อยที่ยังคงทุกข์ทรมาณอยู่ทุกวันทุกเดือนเนื่องจากระเบิดของสหรัฐ เมื่อสหรัฐฯมาบอกว่าเราดีเราจึงไม่ต้องดีใจและเมื่อสหรัฐมาบอกว่าเราไม่ดีเราก็ไม่จำเป็นจะต้องไปโกรธอะไร" ฮุนเซ็นกล่าว

ทุกวันนี้กับระเบิดและอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ระเบิดที่ยังตั้งแต่ในช่วงสมัยที่สหรัฐฯทำสงครามกับเวียดนามรวมทั้งช่วงสงครามกลางเมืองของกัมพูชาที่เกิดขึ้นตามรวมทั้งในช่วงที่ระบอบพอล พตทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในปี 1975-79 นั้นก็ยังคงนำความตายและการบาดเจ็บสาหัสมาสู่ผู้คนในประเทศแถบเอเชียตะวันออกฉียงใต้เป้นจำนวนมาก ทั้งนี้ มีรายงานในปี 2003 ว่า มีผู้ที่บาดเจ็บจากกับระเบิดถึง 756 คน และมีคนเสียชีวิตไปถึง 113 คน

กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯแจ้งว่าที่กัมพูชาต้องตกอยู่ที่ในบัญชีดำนั้นมีสาเหตุใหญ่มาจากการที่รัฐบาลนั้นได้มีส่วนร่วมรู้เห็นในการกระทำอันเป็นการค้ามนุษย์

กัมพูชาจัดอยูในลำดับหนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดในโลก ที่เห็นตทั้งประเทศต้นทางและประเทศปลายทางของการค้ามนุษย์ เนื่องจากการการควบคุมด้านชายแดนที่ไม่เข็มแข็งและบังคับใช้กฎหมายการเดินทางย้ายถิ่นที่หละหลวม

นอกจากประเทศกัมพูชาแล้วในรายงานของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐได้จัดลำดับให้เกาหลีเหนือ และพม่าอยู่ในบัญชีดำเช่นกัน สำหรับประเทศอื่นๆนั้นมีการถูกจัดลำดับที่เปลี่ยนแปลงไปหลายประเทศเช่นกัน อาทิ จีน และไต้หวัน ซึ่งจีนถูกลดจาก tier 2 ไปเป็น tier 2 ที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษ ส่วนไต้หวันซึ่งเคยอยูใน tier 1 เมื่อปี 2004 นั้นถูกลดลำดับลงเป็น tier 2

ในขณะที่ ญี่ปุ่น เวียดนาม ปากีสถาน ไทย ลาว และ เนปาล ได้รับการเลื่อนอันดับจาก tier 2 ที่ถูกจับตาเป็นพิเศษมาเป็น tier 2 เนื่องจากมีความคืบหน้าในการทำงานเรื่องการค้ามนุษย์มากขึ้น