ประชาไท-15 มิ.ย. 48 วันนี้ (15 มิ.ย.)ศาลจังหวัดลำพูน ตัดสินยกฟ้องคดีชาวบ้าน15 คนบุกรุกที่ดินสปก. ในจังหวัดลำพูน ระบุ พยานโจทย์ไม่สามารถยืนยันได้ว่า จำเลยอยู่ในที่ดินสาธารณะที่อ้างว่าชาวบ้านบุกรุกที่ เนื่องจากหลักฐานในรายงานการสืบสวนของตำรวจเป็นเพียงการบอกเล่า

สิ่งที่รายงานระบุจนนำมาสู่การฟ้องร้องผู้ต้องหาทั้ง 15 รายนั้น ชี้ว่า คนกลุ่มดังกล่าวเป็นกลุ่มแกนนำแนวร่วมเกษตรกรภาคเหนือ(นกน.)ที่อยู่เบื้องหลังให้ชาวบ้านไปบุกรุกที่ดิน สปก. ใน 4 หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านโป่งรู บ้านสันป่าฮัก และบ้านพระบาทหนองสร้อย อ.ป่าซาง จ.ลำพูน

อย่างไรก็ตาม ทนายความผู้ทำคดี ซึ่งอยู่ในทีมอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนสภาทนายความ กล่าวว่า รายงานดังกล่าวไม่สามารถนำมาใช้ยืนยันได้ เนื่องจากเป็นพยานบอกเล่าที่ฟังมาจากคนอื่น ไม่มีน้ำหนัก ทั้งไม่มีพยานรู้เห็นที่ชัดเจนว่า จำเลยทั้ง 15 คน อยู่ในที่ดินที่ที่เป็นสาเหตุของการฟ้องร้อง ดังนั้นจึงทำให้คดียกฟ้อง

โดยคดีที่ยกฟ้องร้องวันนี้เป็นคดีบุกรุกตามมาตราที่ 356 ตามประมวลกฎหมายอาญา นอกจากนี้ยังยกฟ้องในกรณีที่ทำให้เสียทรัพย์ด้วยเพราะไม่มีการนำสืบพยาน รวมทั้งในกรณีที่มีการกล่าวหาว่าทั้ง 15 คนได้ทำการค้าไม้นั้น ก็ไม่สามารถฟ้องร้องได้เช่นกันเพราะไม่มีของกลาง

สำหรับการเคลื่อนไหวของชาวบ้านที่มีปัญหาด้านเอกสารสิทธิ์ที่ดินนั้น ทนายคนเดิมกล่าวว่าจะมีการฟ้องร้องต่อศาลปกครอง ในกรณีที่เจ้าหน้าที่รัฐ ในช่วง พ.ศ. 2531-2533 บางคนมีส่วนเกี่ยวข้องในการทุจริตการออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินที่ อ.บ้านโฮ่ง และกิ่ง อ.เวียงหนองล่อง จ.ลำพูน ซึ่งคณะ
อนุกรรมการแก้ไขปัญหาของสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ สมัยที่พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นประธานนั้น ระบุว่ามีการทุจริตจริง

โดยเดิมนั้นในส่วนที่ตัดสินได้ชัดว่ามีการทุจริต ซึ่งอธิบดีกรมที่ดินได้สั่งเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ไปแล้ว แต่ในส่วนที่ยังไม่ชัดเจนได้รวบรวมหลักฐานส่งให้กับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) แต่ขณะนี้ป.ป.ช. เองมีปัญหาไม่สามารถดำเนินการต่อได้ จึงตัดสินใจที่จะฟ้องร้องศาลปกครองก่อน ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงการรวบรวมหลักฐานทั้งหมด

ภาพันธ์ รักษ์ศรีทอง