Skip to main content
sharethis

หลังจากเหตุการณ์คลื่นยักษ์ซึนามิผ่านมาครึ่งปี กรณีปัญหาการแย่งชิงกรรมสิทธิเหนือที่ดินเป็นอีกปัญหาใหญ่ที่คอยกระหน่ำซ้ำเติมผู้คนในพื้นที่ประสบภัย ทั้งบ้านในไร่ บ้านทับตะวัน บ้านทุ่งหว้า แหลมป้อม บ้านน้ำเค็มและที่อื่นๆอีกมากมาย บางพื้นที่ถูกข่มขู่ บางพื้นที่ใช้อาวุธล่ายิงหมายหัวชาวบ้านและคนที่เกี่ยวข้อง

บางพื้นที่แม้แต่พระสงฆ์ ผู้สืบทอดแห่งพระพุทธศาสนาก็ไม่สามารถอาศัยอยู่ได้อย่างปกติสุข ปัญหาเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ส่งผลกระทบต่อชีวิต คุกคามจิตใจผู้คนซึ่งได้รับเคราะห์จากคลื่นยักษ์ ดุจชะตากรรมที่คอยซ้ำซัดความโหดร้ายในชีวิต

เกาะคอเขา เป็นหนึ่งในหลายๆ เกาะที่มีอยู่อย่างมากมายใน อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา บนเกาะคอเขามีเนื้อที่ 60 ตารางกิโลเมตร มีหาดทรายทอดยาวขาวสะอาดสลับกับภูเขา ป่าชายเลน และในอดีตที่ผ่านมาได้มีการทำเหมืองแร่มากมาก่อนอีกด้วย บนเกาะมียอดเขาสูงที่สุด175 เมตร จากระดับน้ำทะเล

คอเขา คือความเป็นไป

จากท่าข้ามฟากด้วยแพยนต์ขนาดใหญ่ ระหว่างบ้านน้ำเค็มมาถึงเกาะคอเขาใช้เวลาประมาณ 10 นาที ห่างออกไปจากท่าข้ามฟากราว 1-2 กิโลเมตร มีป้ายตัวใหญ่เขียนไว้ปากทางเข้าว่า "วัดทุ่งตึก" ซึ่งเป็นที่มาแห่งเรื่องเล่าและชะตากรรม

พระอาจารย์จบ หรือพระครูสมุห์บรรจบ กนฺตจาโร ในวัย 72 ปี ผู้เปรียบเสมือนเจ้าอาวาสของที่นี่ เล่าความเป็นมาของที่พักสงฆ์ทุ่งตึกให้ฟัง เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นว่า

"อาตมา อยู่ที่นี่มา 20 ปีแล้ว มาครั้งแรกเมื่อปีพ.ศ.2527 ที่นี่ยังเป็นที่สาธารณะประโยชน์ และมีการสัมปทานบัตรทำเหมืองแร่"

ราวปี พ.ศ.2529 สัมปทานบัตรเหมืองแร่หมดอายุลง พระอาจารย์จบได้ขอที่ดินจากเจ้าของบริษัทที่หมดสัมปทานมาสร้างวัด ซึ่งเจ้าของแต่ละรายก็ถวายที่ดินให้วัดจำนวน 170 ไร่ และให้คนงานมาช่วยปักหลักวัดเขตแดน โดยมีผู้ใหญ่บ้านมาดูแลเป็นสักขีพยานในการปักเขตแดน

การวัดเขตปักหลักในครั้งนั้นไม่ได้มีการทำหนังสือออกเป็นลายลักษณ์อักษร จึงกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้ที่พักสงฆ์แห่งนี้ไม่สามารถยื่นเรื่องขึ้นทะเบียนเป็นสำนักสงฆ์ หรือเป็นวัดได้ และกลายมาเป็นที่มาของปัญหากรณีที่ดินคาราคาซังมาจนปัจจุบัน

"ตอนที่วัดเขตที่ดิน 170 ไร่ เราไม่ชำนาญในเรื่องนี้ ที่ดินดังกล่าวเดิมเป็นที่ดินสัมปทานของบริษัทแห่งหนึ่งหลังจากสัมปทานขาดในปี พ.ศ.2529 ทางเราจึงทำที่นี่เป็นที่พักสงฆ์" พระอาจารย์จบกล่าว

แม้กรณีที่ดินจะเป็นปัญหาเรื่อยมา แต่สถานการณ์ก็ไม่รุนแรงมากนัก บวกกับกำลังศรัทธาจากชาว บ้านในพื้นที่ ทำให้พระอาจารย์จบมีเวลาสร้างกุฏิ สร้างศาลา และปลูกป่า เพื่อเป็นที่แสวงหาความสงบตามหลักวิถีแห่งพุทธะ โดยได้ชาวบ้านบนเกาะคอเขามาร่วมแรงร่วมใจช่วยก่อร่างสร้างพุทธสถานเพิ่มเติมตามกำลังตน

ปี 2543-2544 ความสงบร่มเย็นเริ่มเลือนหาย ความรุ่นร้อนแห่งความโลภเบียดเบียนเข้ามาแทนที่ เพราะที่ดินบนเกาะคอเขาทุกตารางเมตรมีค่า มีราคามหาศาล โดยเฉพาะที่พักสงฆ์ 170 ไร่ซึ่งตั้งอยู่เหนือหาดทรายขาวสะอาดแห่งนี้มีราคาดุจทองคำ และเป็นที่หมายปองจากกลุ่มผู้แสวงหาผลประโยชน์

หลังจากนั้นไม่นานมีเสียงปืนเปรี้ยง เปรี้ยง ลั่นขึ้นในเขตวัด เหตุการณ์ที่คอยกระหน่ำมาเป็นอีกระลอกคือ การข่มขู่ทุกรูปแบบฝากลอยลมผ่านเข้ามาในเขตที่พักสงฆ์

"ราวๆปีที่แล้ว มีคนเอาเอกสารสิทธิมาให้ดูบอกว่าเป็นที่ของเขา เขาจะสร้างโรงแรม แล้วเขาก็มาปักหลักสร้างกำแพงโรงแรมบนที่ดิน โดยเว้นที่ที่เราอยู่ไว้ 21 ไร่" พระอาจารย์จบกล่าว

ที่ดิน 170 ไร่ในปี พ.ศ.2529 ซึ่งวัดเขตไว้ มาถึง ปีพ.ศ.2546-2547 ที่ดินเหลือเพียง 21 ไร่

ปัญหาที่ดินบนเกาะคอเขาเพิ่มดีกรีความรุนแรงมากขึ้น ชาวบ้านคนหนึ่งในเกาะคอเขาเล่าว่า แพยนต์บนเกาะของกลุ่มผู้มีอิทธิพลข้าราชการในระดับท้องถิ่น ไม่ยอมให้พระซึ่งจำวัดอยู่ที่ทุ่งตึกแห่งนี้โดยสารข้ามฟาก

"หากเป็นพระที่นี่เขาไล่ลงเลย ไม่ใช่เฉพาะพระอาจารย์นะ พระทุกรูปที่อยู่วัดนี้โดนไล่หมด โชคดีที่แพยนต์อีกแห่งหนึ่งเขายังให้ข้ามฟากได้ ไม่อย่างนั้นคงแย่" ชาวบ้านคนดังกล่าวเล่าเรื่องราวให้ฟังพร้อมทั้งกล่าวถึงเครือข่ายโยงใยอิทธิพลซึ่งเปรียบเสมือนตาข่ายครอบคลุมพื้นที่เกาะคอเขาแห่งนี้ไว้ …

ศิริรัตน์ อนันต์รัตน์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net