ประชาไท - 28 มิ.ย.48 การประชุมวุฒิสภาวันนี้มีการพิจารณาเลือกผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภาเพิ่มเติมคือนายปราโมทย์ โชติมงคล เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา โดยพิจารณาจากรายงานของคณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติและความประพฤติของบุคคลที่ได้รับเสนอชื่อ 2 คนคือ นายปราโมทย์ และ พล.ต.ท.มงคล กมลบุตร หัวหน้าฝ่ายอำนวยการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ในการอภิปรายสมาชิกวุฒิสภาหลายคนเสนอให้คณะกรรมาธิการฯ ถอนเรื่องนี้ออกไปก่อน เพื่อให้มีการทบทวนใหม่ทั้งในเรื่องใบสั่งทางการเมือง และในประเด็นกฎหมายตามที่นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ส.ว.กรุงเทพฯ ชี้ว่า นายปราโมทย์นั้นดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการฯ อาจเกี่ยวข้องการการออกระเบียบเพิ่มค่าตอบแทนพิเศษของผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา ที่กำลังถูกตรวจสอบยังไม่เป็นที่สิ้นสุดอยู่ขณะนี้ หากได้รับเลือกอาจมีปัญหาดังกรณีของคณะกรรมการป้องการและปรามปราบการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

อย่างไรก็ตาม เสียงส่วนใหญ่เห็นว่าควรเลือกผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภาโดยใช้วิธีการประชุมลับซึ่งใช้เวลากือบ 1 ชั่วโมง ผลการลงมติปรากฏว่า นายปราโมทย์ได้รับเลือกจากสมาชิกวุฒิสภาให้เป็นผู้ตรวจการแผ่นดินคนที่ 3 ด้วยคะแนน 120 คะแนน ขณะที่ พล.ต.ท. มงคล กมลบุตร ได้ 26 เสียง งดออกเสียง 19 เสียง

อย่างไรก็ตาม นายปราโมทย์เคยลงสมัครตำแหน่งผู้ตรวจการแผ่นดินฯ มาครั้งหนึ่งแล้ว แต่ได้คะแนนเพียง 99 คะแนน ขาดไป 1 คะแนนจึงจะถึงกึ่งหนึ่งตามกฎหมายกำหนด

ก่อนหน้านี้ในการประชุมรัฐสภานัดพิเศษเมื่อวันที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐ ธรรมนูญเพิ่มเติม ในประเด็นกรรมการสรรหา ป.ป.ช.นั้น นายชุมพล ศิลปอาชา ส.ว.สุพรรณบุรี ได้ให้สัมภาษณ์แสดงความไม่พอใจร่างดังกล่าวที่ให้มีตัวแทนพรรคการเมือง รวมถึงผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภา ซึ่งก็เป็นการเมือง 100 เปอร์เซนต์ โดยการเพิ่มให้มีผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภาที่ให้เลือกกันเองจนเหลือ 1 คนนั้น เป็นการเพิ่มโอกาสให้แก่รัฐบาลในการบล็อกการสรรหาองค์กรอิสระเช่นป.ป.ช.

ทั้งนี้ ผู้ตรวจการแผ่นดินอีก 2 คนคือ นายพูลทรัพย์ ปิยะอนันต์ และพลเอกธีรเดช มีเพียร โดยนายปราโมทย์ โชติมงคล ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภาคนที่ 3 อายุ 61 ปี จบการศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ประวัติการทำงานเป็นผู้ช่วยปลัดทบวงมหาวิทยาลัย ปี 2533 รองปลัดทบวงมหาวิทยาลัย ปี 2538

ขณะที่พล.ต.ท . มงคล กมลบุตร จบการศึกษารัฐประศาสนศาสตร์บัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหา วิทยาลัย และโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ประวัติการทำงานเป็นรองผู้บังคับการกองปราบปราม ปี 2531 ผู้บังคับการตำรวจป่าไม้ 2537 ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ปี 2539 ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางปี 2540 รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง 2541 และเคยมาทำงานในคณะกรรมาธิการของสภาสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภาหลายคณะ