กรุงเทพฯ- 29 มิ.ย.48 นายเมตตา บันเทิงสุข ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) ระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะปล่อยลอยตัวราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลในประเทศอย่างแท้จริงหรือยกเลิกการชดเชยราคาน้ำมันดีเซลอีกลิตรละ 1.36 บาท ภายในระยะเวลา 1-2 เดือนนี้
"เนื่องจากเห็นว่าเป็นช่วงเวลาที่มีความเหมาะสม เพราะราคาน้ำมันดีเซลในตลาดโลกในขณะนี้มีระดับราคาที่ต่ำกว่าในช่วงไตรมาสที่ 4 ซึ่งหากรัฐบาลปล่อยลอยตัวในช่วงนั้นจะส่งผลกระทบต่อประชาชนมากเกินไป" นายเมตตา กล่าว
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง กล่าวว่า รัฐบาลกำลังหาแนวทางลดปัญหาการขาดดุลการค้า โดยเฉพาะการนำเข้าน้ำมันที่มีมูลค่าสูง จึงมีความเป็นไปได้ที่จะเตรียมยกเลิกการใช้เงินจากกองทุนน้ำมันในการชดเชยราคาดีเซลให้เร็วที่สุด ซึ่งอาจจะมีขึ้นภายในเดือนก.ค.
รวมทั้งอาจจะลดการอุดหนุนดีเซล จากมาตรการลดภาษีสรรพสามิตดีเซล ที่ปัจจุบันได้ลดภาษีลง 1 บาท/ลิตร เป็นเวลา 6 เดือนแรก หลังจากนั้นจะปรับลดลงเหลือ 50 สตางค์/ลิตร เป็นเวลา 4 เดือน โดยจะปรับมาเป็นการลดภาษีเหลือเพียง50 สตางค์/ลิตร โดยทันที
ก่อนหน้านี้ นายวิเศษ จูภิบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ยืนยันว่า รัฐบาลจะชดเชยราคาน้ำมันดีเซลจนถึงสิ้นปีนี้ แม้จะมีการประเมินราคาน้ำมันยังทรงตัวระดับสูงต่อไปอีก 2-3 ปี
อย่างไรก็ตามการปล่อยลอยตัวราคาน้ำมันนั้น รัฐบาลพยายามให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด แต่ประชาชนก็ควรเข้าใจว่าราคาน้ำมันดีเซลจะอยู่ในระดับราคาที่สูง เพราะรัฐต้องยกเลิกการชดเชยในที่สุด
สำหรับสถานะของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในอนาคตจะมีเงินรายได้เข้ามาจากเงินที่เก็บจากการขายน้ำมัน โดยเบนซิน ออกเทน 95 จะจัดเก็บในอัตราลิตรละ 1.50 บาท, เบนซิน ออกเทน 91 ลิตรละ 1 บาท และดีเซลลิตรละ 50 สตางค์ เป็นเงินรวมประมาณ 1,000 ล้านบาทต่อเดือน แต่หากมีการยกเลิกการชดเชยราคาก๊าซหุงต้มจะมีเงินไหลเข้าอีก 450 ล้านบาทต่อเดือน และหากเลิกชดเชยราคาดีเซลลิตรละ 1.36 บาท จะมีเงินไหลเข้าอีกประมาณ 2,000 ล้านบาท
โดยขณะนี้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงใช้เงินในการตรึงราคาน้ำมันไปแล้วทั้งสิ้น 91,025.57 ล้านบาท แยกเป็นดีเซลจำนวน 84,050.49 ล้านบาท, เบนซิน ออกเทน 95 จำนวน 2,672.63 ล้านบาท และเบนซิน ออกเทน 91 จำนวน 4,302.45 ล้านบาท