"เวลาผ่านไปได้ 1 เดือนแล้ว คดีพระสุพจน์ก็ยังไม่ระแคะระคายแต่อย่างใดเลย ดังนั้น เจ้าหน้าที่บ้านเมืองจะต้องรีบเร่งรัดคดีให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว เพราะมิเช่นนั้น มันจะไม่ใช่แค่นี้ แต่จะมีต่อไป และจะมีความรุนแรงขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด" รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา กรมศาสนา กล่าวในงานพิธีตานกู่บรรจุอัฐิพระสุพจน์ สุวโจ
เมื่อวันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมา ที่บริเวณสถานปฏิบัติธรรมสวนเมตตาธรรม บ.ห้วยงูใน ต.สันทราย อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ มีการจัดงานทำบุญอุทิศครบรอบ 1 เดือน ของพระสุพจน์ สุวโจ พระนักอนุรักษ์และพระเผยแผ่ธรรมะที่สำคัญของวงการพุทธศาสนาของประเทศ ซึ่งถูกคนร้ายลอบสังหารอย่างโหดเหี้ยม โดยในงานดังกล่าว ได้มีชาวบ้านห้วยงูใน และหน่วยงานองค์กรอีก 22 องค์กร เข้าร่วมงานพิธีขึ้นท้าวทั้งสี่ เลี้ยงผีขุนห้วยขุนน้ำ พิธีบวชป่า พิธีสวดถอนตามประเพณีเมืองเหนือยังบริเวณสถานที่เกิดเหตุ และมีพิธีบรรจุอัฐิพระสุพจน์ ใกล้กับกุฏิที่พักแล้ว หลังจากนั้นในช่วงบ่าย ได้มีการจัดเสวนาถึง กรณีปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับพระในสังคมไทย
นายสุทัศน์ ฤาชัย ตัวแทนกลุ่มอนุรักษ์ป่าเวียงด้ง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า สถานการณ์บ้านเมืองที่อำเภอฝางทุกวันนี้ถือว่ารุนแรงและร้อนร้าย โดยเฉพาะปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนที่รักษาทรัพยากร กับคนที่แย่งชิงทรัพยากรในพื้นที่ ซึ่งมีกลุ่มอิทธิพลเข้ามาครอบงำ และนอกจากจะมีการแย่งชิงทรัพยากรดิน น้ำ ป่า แล้ว ที่สำคัญยังมีการเข้ามาแย่งชิงมวลชนชาวบ้าน จนคนในหมู่บ้านต้องเกิดความขัดแย้งกัน
"และเมื่อพูดถึงความรุนแรงในขณะนี้ ไม่ใช่แค่ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ พระสงฆ์ก็ยังถูกข่มขู่กระทั่งทำร้ายจนเสียชีวิต ดังนั้น นอกจากเราจะช่วยกันอนุรักษ์ทรัพยากรป่าเอาไว้แล้ว อยากขอให้ทุกฝ่ายออกมาช่วยกันปกป้องอนุรักษ์ผู้ที่เป็นอนุรักษ์รักษาป่าเอาไว้ด้วย" นายสุทัศน์ กล่าว
บาทหลวงนิพจน์ เทียนวิหาร ตัวแทนจากคริสต์ศาสนิกชน กล่าวว่า จริงๆ แล้ว ทุกศาสนาสอนให้มนุษย์เราอยู่ร่วมกันอย่างสมดุล กับธรรมชาติมาโดยตลอด และจะสอนให้เรารู้ว่าในธรรมชาตินั้นมีความศักดิ์สิทธิ์อยู่ และในธรรมชาตินั้นมีธรรมะอยู่ ซึ่งการเสียชีวิตของพระสุพจน์นั้น ถือว่าเป็นสัญญะบางอย่าง ที่สะท้อนให้เห็นถึงการทำลายโครงสร้างที่เป็นระบบคุณค่า ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ที่มีอยู่ในโลก โดยมีการแย่งชิงทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งเป็นผลของความบาป ความโลภ ของมนุษย์
"และที่มันมีปัญหารุนแรงเพิ่มขึ้น ก็เพราะโลกของเราทุกวันนี้ กำลังขับเคลื่อนไปสู่เสรีนิยมใหม่ มีการเปลี่ยนทรัพยากรให้เป็นทุน เพื่อการบริโภค จนกลายเป็นโครงสร้างที่อันตรายอย่างใหญ่หลวงในสังคมโลกในขณะนี้ แม้กระทั่งในประเทศต่างๆ เช่น อาร์เจนติน่า หรือเอลซัลวาดอร์ ที่มีกลุ่มพระนักพัฒนาเข้าไปทำงานอยู่ร่วมกับชนพื้นเมือง แต่ก็ถูกเข่นฆ่าทำลายในขณะที่กำลังทำพิธีทางศาสนา ซึ่งถือว่าเป็นบาปที่มนุษย์เรามีการแสวงหาความโลภ โดยยึดเอาวัตถุเป็นตัวตั้ง ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ ก็จะก่อให้เกิดความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นในอนาคต" บาทหลวงนิพจน์ กล่าว
ด้าน นางบุญศรี ปานะจิตร รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กรมศาสนา กล่าวว่า ในฐานะตัวแทนชาวพุทธ รู้สึกสลดใจที่เกิดเหตุการณ์ที่พระรูปหนึ่งถูกทำร้ายจนมรณภาพเช่นนี้ ซึ่งมันเป็นความโหดร้ายในจิตใจของชาวพุทธ ในขณะที่คนที่กระทำไม่รู้สึกว่าตนเองจะต้องได้รับกรรมเพราะความโลภที่หนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ
"และเมื่อผ่านไปได้ 1 เดือน คดีพระสุพจน์ก็ยังไม่ระแคะระคายแต่อย่างใด ดังนั้น เจ้าหน้าที่บ้านเมืองจะต้องรีบเร่งรัดคดีให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว เพราะมิเช่นนั้น มันจะไม่ใช่แค่นี้ แต่จะมีต่อไป และจะมีความรุนแรงขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด" รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา กรมศาสนา กล่าว
ขณะที่ พระกิตติศักดิ์ กิตติโสภโณ พระประจำสถานปฏิบัติธรรมสวนเมตตาธรรม อ.ฝาง จ.เชียง
ใหม่ ประธานกลุ่มเสขิยธรรมกล่าวว่า กรณีการสังหารพระสุพจน์นั้น เมื่อได้พูดคุยกันในแวดวงชาวบ้าน ผู้นำชุมชน ทุกคนเข้าใจดีว่าสาเหตุนั้นมาจากอะไร ยกเว้นเพียงเจ้าหน้าที่ของรัฐส่วนใหญ่เท่านั้นที่ไม่เข้าใจ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่ที่ยังมองเพียงแค่ความขัดแย้งในเรื่องผล
ประโยชน์ส่วนตัว บันดาลโทสะ อยู่อย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า มิหนำซ้ำ ยังมีความพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะทำให้พระที่อยู่ในสถานปฏิบัติธรรมสวนเมตตาธรรมเป็นผู้ผิด เพียงที่เจ้าหน้าที่จะไม่ต้องรับผิดชอบในความบกพร่องของพวกเขา ซึ่งเป็นเรื่องอเนจอนาถอย่างยิ่ง
"เราผ่านบทเรียนการถูกเข่นฆ่าผู้นำมามากต่อมาก ไม่ว่าผู้นำชุมชน ผู้นำชาวบ้านในการเรียก
ร้องต่อสู้ล้วนถูกฆ่า เราสรุปบทเรียนบทเรียนกันมานับครั้งไม่ถ้วน แต่กระบวนการในการรักษาชีวิตของผู้นำ ซึ่งไม่เพียงแต่ผู้นำชาวพุทธ ผู้นำมุสลิมใน 3 จังหวัดภาคใต้ หรือที่อื่นๆ ไม่นับที่มีชื่อในสื่อสาธารณะที่ต้องล้มหายตายจากไป โดยที่ไม่ได้รับการแก้ไข เพราะฉะนั้น ทำอย่างไรถึงจะให้ความจริงที่ถูกความรุนแรงทำร้ายได้กลับคืนมา และถึงที่สุดจะเป็นอย่างไร ผู้ที่เกี่ยวข้องที่ทำให้เกิดความไม่ยุติธรรม ผู้ที่เกี่ยวข้องในการบงการสังหาร จะต้องถูกลากตัวมาลงโทษให้จนได้ และขอยืนยันไว้ต่อสาธารณชนเอาไว้ว่า จะต้องทำให้สิ่งที่เกิดขึ้นกับพระสุพจน์นั้นได้รับความชอบธรรมให้ได้" ประธานกลุ่มเสขิยธรรม กล่าวย้ำในตอนท้าย.
รายงานพิเศษ
องอาจ เดชา
แสดงความคิดเห็น