ถนนจากอำเภอปาย จ.แม่ฮ่องสอน เลียบไปตามลำห้วยไต่สันภูเขาเข้าสู่ดงป่าสนผืนใหญ่แห่ง "มูเส่คี" ต้นน้ำแม่แจ่ม บ้านวัดจันทร์ อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ก่อนถึงที่ทำการองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (ออป.) เล็กน้อย ทางลงเขาโคดเคี้ยวซ้ายขวาโค้งเป็นรูปตัว S เฉือนรีสอร์ท ออป. อ้อมหมู่บ้านเล็ก ๆ สิบหลังชื่อ "หมู่บ้านห้วยอ้อ" เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ตั้งมาอายุนับร้อยปี
ใคร่ขอบอกให้ทราบว่า โค้งนี้มีตำนานและบางคนก็ตั้งชื่อโค้งนี้ว่า "โค้งผู้เฒ่าจามู"
เมื่อครั้งมีการตัดถนนจากอำเภอปายเพื่อเข้าหมู่บ้านวัดจันทร์ มาถึงหมู่บ้านห้วยอ้อ นายช่างทำถนนส่องกล้องเพื่อที่จะตัดถนน ได้ผ่าลอดใต้ถุนบ้านหลังหนึ่งตรงกลางพอดีเป๊ะ !
เจ้าของบ้านเป็นผู้เฒ่าซึ่งมีฐานะเป็นหมอผีที่คนละแวกวัดจันทร์ให้ความเคารพนับถือ เมื่อจะต้องตัดถนนเส้นตรง รถแทรกเตอร์จะต้องไถผ่านบ้านผู้เฒ่า นายช่างจึงมายืนตรงหัวบันไดเรียกผู้เฒ่าเจ้าของบ้าน
"มีอะหยังก๋า" ผู้เฒ่าอยู่ในบ้าน เดินออกมาแล้วมองลง ถามด้วยภาษาไตโยนในสำเนียง
ปกาเก่อญอ แม้ไม่ชัดแต่พอฟังรู้เรื่อง
"พ่อเฒ่าจะต้องรื้อบ้าน" นายช่างบอก
"รื้อยะหยัง" พ่อเฒ่าถามด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ
"มันขวางถนนที่จะตัดเข้ามา" นายช่างว่า
"เอ๊ะ! อยู่ ๆ บ้านป้อลุงไปขวางถนนได้จะใด" ผู้เฒ่าถามด้วยความสงสัย
"ผมตัดถนนมาจากปายเพื่อจะเข้าวัดจันทร์ แต่บ้านลุงอยู่ในแนวถนนที่จะต้องตัดผ่าน ฉะนั้นลุงจะต้องรื้อบ้านออก เข้าใจมั้ย" นายช่างอธิบายบอกเหตุผลเริ่มมีอารมณ์กับท่าทีซื่อ ๆ เซ่อ ๆ หน้างง ๆ ของผู้เฒ่า
"มันเป๋นจะใด" ผู้เฒ่ายังไม่เข้าใจ
"ผมจะตัดถนนเส้นตรง แต่มันผ่านบ้านลุง ผมบอกให้ลุงรื้อบ้าน!!" นายช่างขึ้นเสียง ลูก ๆ หลาน ๆ ที่บ้านอยู่ติดกันได้ยินเสียงเอะอะ เริ่มทยอยกันมาดู
"ไถอ้อมไปปู้นบ่ได้ก๋า" พ่อเฒ่าบอกและมือชี้ไปทางเหนือหัวบ้าน
"มันไม่ได้ ผมบอกแล้วไง ผมจะตัดถนนเส้นตรง ผมบอกให้ลุงรื้อบ้าน ถ้าไม่รื้อผมจะเอารถแทรก
เตอร์ไถนะ" นายช่างพูดแกมขู่ แล้วเอี้ยวตัวกลับไป ผู้เฒ่าบอกไล่หลัง
"ถ้าจะไถก็ไถ!!"
บอกแล้วผู้เฒ่าก็ไปนั่งที่ชานระเบียงบ้าน สูบกล้องยามองไปที่ปากถนนเห็นนายช่างเดินขึ้นดอย ตรงไปยังรถแทรกเตอร์ คุยกับคนขับสักครู่ รถแทรกเตอร์ก็แผดเสียงคลานลงจากดอยแล้วมาจ่อตรงกลางบ้าน ยกฟันเหล็กมหึมาพร้อมจะงาบบ้านให้พังครืน แต่ผู้เฒ่ายังคงนั่งนิ่งบนระเบียงบ้าน มองออกไปที่ยอดสนบนภูเขาอย่างใจเย็น ไม่สะทกสะท้านหวาดกลัว
นายช่างมายืนชี้นิ้วไล่ตะโกนโหวกเหวกแข่งกับเสียงรถแทรกเตอร์อยู่ข้างบ้านพ่อเฒ่า รถแทรก
เตอร์ถอยหลังเดินหน้ายกฟันมหึมาจ่อตัวบ้านรอบแล้วรอบเล่า แต่ผู้เฒ่ายังคงนั่งชันเข่าสูบกล้องยาเฉยมองออกไปที่ต้นสนยืนเรียงรายบนยอดดอยเหมือนเช่นเคย
ในที่สุด รถแทรกเตอร์ถอยกลับไปพร้อมนายช่างเดินกลับด้วยอาการหัวเสีย
ตกเย็น การเจรจารอบที่สองได้เริ่มขึ้นพร้อมข้อเสนอจะซื้อตะปู สังกะสีให้กับผู้เฒ่า ซึ่งบ้านผู้เฒ่าเป็นเพียง บ้านครึ่งไม้ ครึ่งฟากไม้ไผ่มุงใบตองตึง แต่ผู้เฒ่ายังยืนยันเช่นเดิมที่จะไม่รื้อบ้าน
"ไถโค้งอ้อมห้วยอ้อมดอยมาจากเมืองปายได้ ยะหยัง จะตัดอ้อมบ้านป้อลุงบ่ได้ บ่ไจ้ก้า" ผู้เฒ่าว่า เมื่อคุยกันไม่รู้เรื่องผู้มาเจรจาก็กลับไป
วันใหม่ บ่ายคล้อย การเจรจารอบที่สามก็มีมาอีก คราวนี้ตะปูสังกะสี บรรทุกมาเต็มหลังรถกะบะพร้อมเงินอีกจำนวนหนึ่งมายื่นให้ ผู้เฒ่าไม่สั่นหัวไม่ปฏิเสธ เพียงบอกกับผู้มาว่า
"ถ้าสูใคร่ได้ตางเส้นตรง ฮื้อสูเอาปืนมายิงเฮา"
วันรุ่งขึ้นรถแทรกเตอร์ก็ไถทางเฉออกไปจากบ้านผู้เฒ่า อ้อมโค้งเป็นรูปตัว S อยู่มาจนทุกวันนี้
หลังจากถนนมาถึงได้ไม่นาน โรงกลั่นน้ำมันสนก็มาตั้ง และหลังจากนั้นไม่กี่ปีโรงเลื่อยขนาดยักษ์ก็ตามมาอีก ท่ามกลางการคัดค้านของชาวบ้านเรื่อยมา และนำไปสู่การลุกฮือของพลังมวลชนขนานใหญ่ เพื่อปกป้องผืนป่าสนวัดจันทร์ ในปี พ.ศ 2535 โดยมีจุดกำเนิดจากการดื้อแพ่งไม่ยอมรื้อบ้านของผู้เฒ่าจามู และเหตุการณ์ได้ยุติลงในปี พ.ศ. 2536 โรงกลั่นน้ำมันสนได้รับการสั่งปิด โรงเลื่อยได้รื้อถอนออกไปในที่สุด
แอ๊ด คาราบาว ได้แต่งเพลงให้ เป็นเกียรติแก่การต่อสู้เพื่อผืนป่าสนวัดจันทร์ ชื่อ "ปกาเก่อญอแห่งมูเส่คี" ขึ้นต้นว่า
"ผู้เฒ่าจามูอยู่มาร้อยปี
เปิ้นเป็นหมอผีบ่ฮู้นรกสวรรค์
ฮู้แต่ว่าป่ากำเนิดเป็นสายธาร
โค่นป่าสนวัดจันทร์แม่แจ่มท่านเหือดหาย
"
"ผู้เฒ่าจามู" ผู้กลายเป็นตำนานในการยืนหยัดปกป้องผืนป่าสนวัดจันทร์ เปรียบเสมือนสนต้นใหญ่ยืนท้าพายุลมบนยอดดอยอย่างสง่างาม
เที่ยงคืนวันอังคารเข้าสู่วันใหม่ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2548 ผู้เฒ่าจามูได้เสียชีวิตลงอย่างสงบด้วยโรคชราท่ามกลางลูกหลานที่ล้อมรอบ 115 ปี คืออายุของพ่อเฒ่าจามู
ขอคารวะผู้เฒ่า
รายงานพิเศษ
โถ่เรบอ
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)