Skip to main content
sharethis

เอพี- องค์การอนามัยโลกเตือน เอเชียอาจกลายเป็น ซับ ซาฮาร่า 2 หากไม่เร่งจัดการกับปัญหาการติดเชื้อเอดส์รายใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ในการให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวเอพี ก่อนหน้าการประชุมนานาชาติเรื่องเอดส์ในเอเชีย-แปซิฟิกที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-5 กรกฎาคม) ดร.แจ๊ค ซี. เชา ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก ( WHO) "เอเชีย กำลังอยู่ในจุดปลายสุดในการต่อสู้กับการระบาดของโรค หากการทำงานเพื่อแก้ปัญหาเอดส์เป็นไปในทิศทางที่ไม่สอดรับกับปัญหาที่แท้จริง หรือ มองข้ามจังหวะก้าวที่ถูกต้อง เราอาจจะเห็นอัตราที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแบบในซับ ซาฮาร่าก็ได้"

ผู้อำนวยการใหญ่ WHO กล่าวว่า มีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มงบประมาณในการทำงานและยาที่จะจะต้องเข้าถึงคนที่ได้รับผลกระทบจากเอดส์ และการรณรงค์เพื่อป้องกันเอดส์จะต้องก้าวต่อไปเพื่อที่จะทำให้เอเชียรอดพ้นจากวิกฤติทางด้านสุขภาพ

จากการประมาณการของโครงการโรคเอดส์สหประชาชาติ ( UNAIDS) ปี 2003 เชื่อว่า ปัจจุบันมีผู้ติดเชื้อ 7.4 ล้านคนใน เอเชียตะวันออก เอเชียใต้และ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในขณะที่ ซับ-ซาฮาร่ามีผู้ติดเชื้ออยู่ 25 ล้านคน ทั้งนี้ UNAIDS ออกมาเตือนว่า ปัจจุบัน อินเดียมีผู้ติดเชื้อแล้วถึง 5.1 ล้านคน มากเป็นที่ 2 รองจากอัฟริกาใต้ซึ่งมีผู้ติดเชื้อ 5.3 ล้านคน และในขณะที่ตัวเลขการติดเชื้อในจีนอยู่ที่ต่ำกว่า 1 ล้านคน และอาจจะระเบิดขึ้นเป็น 10 ล้านคนได้ภายใน 10 ปี หากตัวเลขการระบาดถูกปล่อยปละละเลยโดยไม่ได้ตรวจสอบอย่างจริงจัง

"กัมพูชานั้นมีตัวเลขอัตราการติดเชื้อสูงสุดในภูมิภาคเมื่อคิดเป็นอัตราร้อยละ กล่าวคือมีผู้ติดเชื้อถึง ร้อยละ 26 แต่ก็สามารถที่จะก้าวกระโดดในการแก้ปัญหาการระบาดของเอดส์ได้ในระดับหนึ่งกล่าวคืออัตราการติดเชื้อลดลงอย่างมากในกลุ่มของผู้ค้าบริการทางเพศในสถานการค้าบริการทางเพศ" จากการรายงานของ UNAIDS

ในขณะเดียวกันประเทศที่อยู่นอกเรดาร์อยู่ เวียดนามและอินโดนีเซียก็กำลังอยู่ในจังหวะที่เป็นจุดที่กำลังส่งสัญญาณเตือนว่าการระบาดของโรคกำลังแพร่กระจายมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการใช้เข็มไม่สะอาดและกลุ่มผู้ค้าบริการทางเพศ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการระบาดของโรคนั้นส่วนใหญ่แล้วพบในกลุ่มคนยากจนและขาดความรู้ ทว่า ประเทศพัฒนาแล้วก็ไม่ได้หมายความว่าจะปลอดจากการระบาด ทั้งนี้จากจำนวนประชากร 270 ล้านค้นของประเทศญี่ปุ่นนั้น ทางรัฐบาลญี่ปุ่นประมาณการว่ามี 11,000 คนติดเชื้อเอชไอวี ซึ่งผู้เชี่ยวชาญก็ได้ออกมาเตือนว่า ตัวเลขนี้อาจเพิ่มขึ้นเป็นสี่เท่าภายในอีก 5 ปี ข้างหน้า เพราะกลุ่มวัยรุ่นที่เริ่มมีเพศสัมพันธ์นั้นมีแนวโน้มว่าจะไม่ได้ใช้ถุงยางอนามัย

" ประเทศอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดอันดับสองของโลกยังคงต้องให้การศึกษาแก่พลเมืองของประเทศตัวเอง เพื่อให้การดูแลคนในประเทศของตนเองและสนับสนุนการรณรงค์ระดับโลกด้วย" เชากล่าว

การตีตราบาปให้โดยสังคมและการเลือกปฏิบัติยังเป็นสิ่งที่ท้าทายในภูมิภาคที่เรื่องเพศและเรื่องโรคไม่ได้เป็นประเด็นที่สามารถพูดคุยได้อย่างเปิดเผย

ผู้อำนวยการการค้าโลกกล่าวว่า จำเป็นที่จะต้องมีงบช่วยเหลือเพื่อการแก้ไขการระบาดเพิ่มขึ้นและการเข้าถึงยาจะต้องทำให้เป็นไปได้ในพื้นที่ต่างๆเพิ่มขึ้น

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net