Skip to main content
sharethis

ภาพชายชาวปาปัวที่สวมใส่ โกเตกา ซึ่งเป็นเครื่องกายตามปกติในชีวิตประจำวัน
ภาพจาก : www.koteka.net/ images/Abh31a.jpg

ประชาไท- ต่อไปนี้ชาวปาปัวที่เดินทางเข้ามาในจาการ์ต้าโดยสวมใส่เพียงเครื่องแต่งกายประจำเผ่า สามีที่จูบลาภรรยาที่ป้ายรถเมล์ และแม้กระทั่งเจ้าของรายการโทรทัศน์หรือหนังสือพิมพ์ที่ที่โชว์เนื้อหนังมังสาของวีนัส วิลเลี่ยมมากเกินไป อาจถูกจำคุกฐานทำผิดกฎหมายอนาจารได้

ขณะนี้ทางรัฐบาลอินโดนีเซียกำลังพิจารณาออกประมวลกฎหมายอาญาฉบับใหม่อยู่ซึ่งในจำนวนนี้มีอย่างน้อย 49 มาตราที่กำลังเป็นถกเถียงและวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางทั้งจากสื่อมวลชน นักวิชาการ เอ็นจีโอและประชาชนทั่วไปในประเทศที่ส่งเสริมการพัฒนาประชาสังคมและประชาธิปไตยในประเทศ

ในกฎหมายบางมาตราถือว่า การแต่งตัวของชาวปาปัว ที่ใส่เฉพาะ โกเตกา ( สิ่งห่อหุ้มอวัยวะเพศเพื่อป้องกันอันตราย ทำจากน้ำเต้าชนิดหนึ่ง) จะไม่สามารถมาเดินอยู่บนท้องถนนในจาการ์ต้าได้หรือ สามีที่จูบลาภรรยาที่ป้ายรถเมล์ สักวันหนึ่งอาจต้องติดคุกเพราะพฤติกรรมดังกล่าวจะถูกพิจารณาว่าเป็นการอนาจาร และเป็นการละเมิดกฎหมายที่รัฐบาลจะออกมาใหม่

งานจิตรกรรม หรือ ปฎิมากรรมต่างๆ ของพวกเซอเรียลลิสต์ ในบางชิ้นก็อาจอยู่ภายใต้การควบคุมของกฎหมายดังกล่าวนี้ด้วย ซึ่งอาจจะถูกปิดหรือถูกทำลายลงไป และไม่เว้นแม้กระทั่งเจ้าของรายการโทรทัศน์ หรือบรรณาธิการบริหารสื่อสิ่งพิมพ์ ก็จะต้องพบกับชะตากรรมแบบเดียวกันนี้ หากเสนอภาพที่โชว์เนื้อหนังมังสาของวีนัส วิลเลียมมากเกินไปการแข่งขันเทนนิสวิมเบิลดัน หรือ นำเสนอเรื่องราวที่เข้าข่ายการโฆษณาชวนเชื่อให้เป็นคอมมิวนิสต์

สแตนลีย์ อาดี ปราเสตโย ผู้อำนวยการสถาบันสังคมศึกษา และ เสรีภาพในการลื่นไหลของข้อมูลข่าวสาร ( ISAI) กล่าวในการสัมมนาเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า อินโดนีเซียจะไม่มีพื้นที่ที่จะให้กำเนิดศิลปินที่สร้างสรรค์ นักวิชากร และผู้นำได้อีกต่อไปแล้วหากรัฐบาลผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้

" ร่าง พรบ.ดังกล่าว เป็นภาพที่สะท้อนให้เห็นได้อย่างชัดเจนถึงความคับข้องใจของรัฐบาลต่อความล้มเหลว เป็นเหตุให้รัฐบาลได้ออกนโยบายเพี้ยนๆอย่างนี้ออกมา" ปราเสตโยกล่าว พร้อมเพิ่มเติมอีกว่าถึงตอนนี้เป็น 7 ปีให้หลังการที่ระบอบการปกครองใหม่ได้ตั้งขึ้นมา รัฐบาลไม่ได้สร้างความก้าวหน้าใดๆให้เห็นเป็นรูปธรรมเลย
อิฟดัล กาซิม ผู้ประสานงานสถาบันเพื่อการรณรงค์และนโยบายสาธารณะได้กล่าวโจมตี พรบ.ฉบับนี้ว่า เป็นการเปิดให้รัฐบาลได้เข้ามาแทรกแซงกับชีวิตส่วนตัวของพลเมืองได้ลึกลงไปอีก

"เป็นกฎหมายที่สร้างสถานการณ์ให้รัฐ หรือผู้ครองอำนาจนั้นยิ่งมีอำนาจเหนือประชาชนซึ่งเดิมนั้นเป็นเจ้าของอำนาจมากขึ้น ในยุคแห่งการปฎิรูปนี้ รัฐบาลควรมีบทบาทในการให้บริการ (ประชาชน) มากกว่าที่จะมาปกครองประชาชน นับว่าแปลกมากๆหากรัฐบาลพยายามที่ผ่านกฎหมายที่มีข้อขัดแย้งมากขนาดนี้" กาซิมกล่าว

กาวิมยังเพิ่มเติมอีกว่า ร่างประมวลกฎหมายอาญาฉบับนี้ควรจะปลอดจากอิทธิพลใดๆของสถาบันศาสนาเพื่อจะยังคงความเป็นที่เป็นรัฐที่มีบุคลิกเป็นฝ่ายทางโลก(อิสลามสายกลาง)

เขาเตือนว่ากฎหมายอาญาฉบับนี้อาจจะเป็นเครื่องมือให้กลุ่มหัวเก่าที่จะนำอำนาจมาใช้โจมตีองค์กรและชุมชนต่างๆที่สนับสนุนประชาคมได้

วิทยากรที่เข้ามาร่วมในการสัมมนาที่จัดโดย ISAI ต่างก็สนับสนุนความคิดของบรรณาธิการบริหารของ เท็มโป วีคลี่ บัมบัง ฮาริมูรติ ที่เสนอให้ร่างกฎหมายสิทธิที่จะช่วยส่งเสริมศักยภาพของประชาคมรวมทั้งต่อต้านประมวลกฎหมายอาญาที่เต็มไปด้วยข้อขัดแย้งดังกล่าว

ผู้สังเกตการณ์ทางการเมืองอิชลาซุล อามาล และ ธามริน กล่าวว่า ถ้ารัฐมีพรบ.ว่าด้วยสิทธิ์ที่จะกำหนดให้พลเมืองที่สิทธิขั้นพื้นฐานส่วนบุคคล ประมวลกฎหมายอาญาที่กำลังเสนอกันอยู่นี้ก็อาจต้องถูกนำมาทบทวนใหม่และจำกัดเนื้อหาไปที่เรื่องราวทั่วๆไป อย่างเช่น การสนับสนุนระเบียบสังคม

"ประมวญกฎหมายอาญาควรจะต้องเป็นเรื่องทั่วๆไป หมายถึงว่า การบังคับใช้กฎหมายในเรื่องที่เป็นเรื่องทั่วๆเท่านั้น ตัวอย่างเช่น เรื่องบัญญัติสิบประการไปจนเรื่อง ความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสังคม" อิชลาซุลกล่าว

ลีโอ บาตูบารา สมาชิกของสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ กล่าวว่า ทางสภาได้ส่งจดหมายถึงประธานาธิบดี ซูซิโล บัมบัง ยุทโธโยโนขอให้ไม่ส่งพรบ.นี้ไปให้สภาผู้แทนฯให้ลงนาม จนกว่าจะได้รับฉันทามติจากทุกภาคส่วนของสังคมเสียก่อน
---------------------------------------------------
ที่มา : จาการ์ต้า โพสต์ http://www.thejakartapost.com/detailnational.asp?fileid=20050714.C01

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net