Skip to main content
sharethis

ส.ว.กรุงเทพฯ กรรมการในคณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ(กอส.) กรรมการสภามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี

การมี พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินนี้ ทำให้รัฐบาลมีอำนาจทางกฎหมายมากขึ้น จะใช้พ.ร.ก.ก็ได้ หรือจะใช้พ.ร.บ.กฎอัยการศึกก็ได้ มันไม่ใช่แทนกัน ไม่ได้ยกเลิก เพียงแต่ว่าเขาจะเลือกใช้อันไหน การเลิกประกาศกฎอัยการศึกใน 3 จังหวัดภาคใต้ก็จะเป็นผลดีต่อความสัมพันธ์กับต่างประเทศ และต่อเศรษฐกิจพื้นฐานของประเทศ และเป็นผลดีต่อชื่อเสียงของทหารในกรณีที่มีคนทำไม่ถูกต้องโดยผู้อื่นที่ไม่ใช่ทหาร แต่ร่างพ.ร.ก.ที่จะออกมาใหม่ควรต้องดีกว่าเดิม ที่จะทำให้ชาวบ้านรักรัฐบาลมากขึ้น และรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น

ในความเห็นผม พ.ร.ก.ฉบับนี้มีบางข้อบางส่วนที่ดี แต่บางข้อไม่สมานฉันท์ จะทำให้เหตุการณ์เลวร้ายลง โจรที่ก่อเหตุร้ายจะพอใจมากขึ้นจากพ.ร.ก.ฉบับนี้เพราะเขาต้องการให้ใช้ความรุนแรง

ผมเห็นด้วยกับ พ.ร.ก.นี้ ในเรื่องที่สามารถจับกุม ค้น แก้ไขปัญหาอย่างเร็ว แต่หลังจากจับกุมแล้ว กระ บวนการที่ตามมาจะต้องเป็นกระบวนการที่โปร่งใส ยุติธรรม ทนาย ญาติพี่น้อง สื่อมวลชน จะต้องติดตามได้อย่างเปิดเผย เพื่อให้สังคมภาคใต้มั่นใจในความยุติธรรมของชาติ ในประเด็นนี้น่าเป็นห่วง

แต่อันที่น่าเป็นห่วงมากกว่า คือ ในมาตรา 9(3) ห้ามการเสนอข่าว ห้ามการจำหน่ายการเผยแพร่ ทั้งนี้จะทำให้การแก้ปัญหาทางภาคใต้ทรุดโทรมลงมากกว่าเดิม การฆ่าตัดคอที่เกิดขึ้น โจรที่ตัดคอได้เขียนข้อความทิ้งว่า มึงฆ่าคนบริสุทธิ์ กูก็จะฆ่าคนบริสุทธิ์ ในความเห็นผม จะพบว่าทั้ง "กู" และ "มึง" ไม่เคยตายซักที แต่คนบริสุทธิ์ตายตลอด ทำไมคนบริสุทธิ์ต้องตาย เพราะไม่มีข่าวสารข้อเท็จจริง ข่าวสารข้อเท็จจริงนี้ได้ถูกทำลายจากระบบตั้งแต่ยุค ศอ.บต.

เมื่อมีศอ.บต. คนบริสุทธิ์ก็จะผ่านผู้นำเขา ให้ข้อมูลของความอยุติธรรม แล้วศอ.บต. ก็จะกำจัดโจรผู้ร้าย โดยใช้กฎหมาย และขจัดความอยุติธรรมจากเจ้าหน้าที่ด้วยการโยกย้าย ชาวบ้านก็จะยังคงใช้ความจริงพึ่งพารัฐบาลได้

แต่เมื่อยุบศอ.บต. ข่าวสารความจริงทั้งหมดที่จะมาสู่รัฐบาลถูกตัดทิ้งโดยสิ้นเชิง เหลือแต่ความต้องการของทางทำเนียบฯ ที่บอกความต้องการแล้วเจ้าหน้าที่ก็ไปสร้างข่าวและสร้างเรื่องที่ตรงกับข่าวที่ตัวเองสร้าง เพื่อตำแหน่งลาภยศต่างๆ คนบริสุทธิ์ก็ถูกฆ่าตายเป็นจำนวนมาก

ดังจะเห็นได้ว่าเมื่อสมัยรัฐบาลพลเอกเปรม เมื่อ 25 ปีที่แล้วมีกลุ่มก่อเหตุร้ายอยู่มากกว่า 62 กลุ่ม แต่เมื่อสิ้นรัฐบาลพลเอกเปรม หรือก่อน 2540 เหลือกลุ่มที่ดำเนินการอยู่เพียง 4-5 กลุ่มและไม่มีกำลังใดๆ มาก แต่ในช่วงต้นรัฐบาลนี้ ความขัดแย้งของทหารและตำรวจได้เกิดขึ้น ผู้ก่อเหตุร้ายที่เปลี่ยนเข้ามาอยู่กับทหาร โดยใช้แนวทางสันติในการแก้ปัญหา และช่วยให้ข่าวสารกับทหารในการแก้ ปัญหาได้ถูกอุ้มฆ่าเป็นจำนวนมาก โดยฝ่ายที่ตรงข้ามกับทหาร สร้างความไม่พอใจอย่างรุนแรง ความหวาดกลัว และไม่พอใจอย่างรุนแรงแก่ชาวบ้าน ข่าวสารความจริงทั้งหมดก็ได้ขาดสะบั้นลง โจรก็ได้เข้ามาครอบครองความไม่พอใจนี้แทน

จะเห็นได้ว่า ถ้ารัฐบาลกำจัดเรื่องสื่อมวลชนอีกก็จะเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่จะได้ความจริงต่างๆ จากประชาชน ประชาชนต้องการพูดกับคนมีศีลธรรม ไม่ใช่คนที่ใช้อำนาจป่าเถื่อน ตอนนี้เป็นส่วนที่จะสร้างความล้มเหลวในการแก้ปัญหาภาคใต้ทั้งหมด

อีกประการหนึ่งที่น่าห่วงใยมาก ก็คือ การใช้อำนาจแทนกรมสืบสวนคดีพิเศษ โดยเฉพาะอำนาจทางนิติวิทยาศาสตร์และการดักฟังทั้งหลาย เพราะว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีคำสั่งว่าไม่ให้ข้อมูลใดๆ กับคุณหมอพรทิพย์ เพื่อที่จะสืบสวนทางนิติวิทยาศาสตร์อยู่แล้ว แต่ถ้าไปมอบอำนาจเหล่านี้ให้ตำรวจใช้แทนก็จะยิ่งเกิดความอยุติธรรมกันไปใหญ่

ดังนั้น ผมเห็นว่า พ.ร.ก.นี้มีหลายส่วนที่ไม่ทำให้เกิดความสมานฉันท์ การสร้างความสมานฉันท์นั้นคือการปราบปรามโจรก่อเหตุโดยใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด และขจัดความอยุติธรรมที่เกิดจากเจ้าหน้าที่ให้หมดไป ไม่ว่าจะเป็นผู้สั่งการ กฎหมายที่ใช้ หรือการปฏิบัติ ร่าง พ.ร.ก.นี้เขียนขึ้นเพื่อให้สะดวกและถูกใจของผู้ใช้อำนาจ แต่ไม่สร้างความสบายใจให้กับประชาชน ดังนั้นความมุ่งหมายที่จะทำให้เกิดสันติภาพ และความสมานฉันท์ที่จะทำให้ประชาชน 1.7 ล้านคนสบายใจขึ้นก็ไม่ดีนัก มีส่วนซึ่งจะกระตุ้นความรุนแรงจากระดับที่ไม่มีกฎหมายรองรับมาเป็นกฎหมายเสียเอง

สำหรับประเด็นการยกเลิกกฎอัยการศึกนั้น น่าจะเกิดผลดีในส่วนที่เกี่ยวกับต่างประเทศ จะไม่ทำให้ต่างประเทศเข้าใจผิด เพราะการใช้กฎอัยการศึกทำให้ต่างประเทศเข้าใจผิดว่าคนภาคใต้เป็นข้าศึกแล้วจะสามารถดึงต่างประเทศเข้ามาเกี่ยวข้องได้ ต้องระวัง และการไม่ใช่กฎอัยการศึกก็ทำให้เข้าใจได้ถูกต้องว่าเราอยู่ในสถานการณ์ของ "เรื่องในประเทศ" และในประเด็นต่อมาคือมีคนใช้อำนาจผิดๆ จำนวนมาก และอ้างกฎอัยการศึกสร้างความเสียหายให้กับกองทัพ แต่ไม่มีอะไรดีเท่ากับการทำจริง แก้ไขจริง ไม่ใช่การโฆษณาประชาสัมพันธ์ ต้องทำให้คน 1.7 ล้านคนมีความรู้สึกปลอดภัย มีความผูกพัน รักรัฐบาลมากขึ้น อย่าไปทำให้เขารู้สึกถูกคุกคามมากขึ้น

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net