Skip to main content
sharethis

นายอัฮหมัดสมบูรณ์ บัวหลวง นักวิชาการมุสลิมสันติวิธี กล่าวว่า การออกพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินของรัฐบาล แสดงให้เห็นว่า รัฐได้เข้าสู่การปกครองแบบเผด็จการมากขึ้น แต่เป็นเผด็จการรัฐสภา แม้จะยกเลิกกฎอัยการศึกแล้วมาใช้กฎหมายใหม่ที่ให้อำนาจนายกฯ อย่างล้นหลาม ย่อมแสดงให้เห็นว่า นายกรัฐมนตรี เป็นนักปกครองมากขึ้น

นอกจากนี้ความปั่นป่วนที่เกิดขึ้นใน จ.ยะลา เมื่อคืนวันที่ 14 ก.ค.ที่ผ่านมายังแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลอ่อนแอในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งที่มีกองกำลังอยู่ในพื้นที่เป็นจำนวนมาก ขณะนี้ชาวบ้านจึงเริ่มไม่เชื่อแล้วว่าขบวนการแบ่งแยกดินแดนเป็นผู้ลงมือกระทำ เพราะขนาดหน้าโรงพยาบาลศูนย์ยะลาที่มีทหารและตำรวจเป็นจำนวนมาก ก็ยังเกิดเหตุระเบิด โดยที่ไม่สามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้

นายอัฮหมัดสมบูรณ์ กล่าวด้วยว่า แม้จะใช้กฎหมายใหม่แทนกฎอัยการศึกก็คงยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ตราบใดที่รัฐบาลยังคงไม่เปลี่ยนนโยบายในการแก้ปัญหา อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าการใช้กฎหมายใหม่ไม่เหมาะสม เพราะตลอดเวลา 2 ปีที่ผ่านมาเหตุการณ์ยังคงรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ กฎอัยการศึกที่ใช้ก็แก้ไม่ได้ ทั้งที่ได้ให้อำนาจแฝงแก่นายกรัฐมนตรีมากมายอยู่แล้ว ฉะนั้นการใช้กฎหมายใหม่ก็เป็นเพียงการแสดงตัวตนของพ.ต.ท.ทักษิณมากขึ้นเท่านั้น ถ้าแก้ปัญหาได้ก็เป็นผลดีต่อรัฐบาลเอง แต่ถ้าล้มเหลวชาวบ้านในพื้นที่ก็ยังคงเกิดอาการเซ็งต่อไปเรื่อยๆ รวมทั้งมีความ
เครียดและความหวาดกลัวมากขึ้น

ส่วนแนวทางในการแก้ปัญหานั้น นายอัฮหมัดสมบูรณ์ ยืนยันว่า ต้องใช้สันติวิธีเพียงอย่างเดียว ยกเลิกกฎอัยการศึกและกฎหมายใหม่ซึ่งไม่มีอะไรแตกต่างกันมากนัก อีกทั้งต้องมีสติในการแก้ปัญหาและถอนกำลังทหาร ตำรวจออกจากพื้นที่ คงไว้แต่กำลังปกติเท่านั้น สถานการณ์ก็น่าจะดีขึ้น

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net