ประชาไท19 ก.ค. 48 นายอัษฎา ชัยนาม อดีตทูตไทยประจำสำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติ และที่ปรึกษาสภาเพื่อมนุษยชนและการพัฒนาแห่งเอเชีย (ฟอรั่ม เอเชีย) แนะนำให้ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติขิงพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฟ้องร้องต่อองค์การสหประชาชาติ เนื่องจากมาสามารถพึ่งพาระบบยุติธรรมในประเทศได้
อดีตทูตไทยประจำสหรัฐอเมริกากล่าวว่า ถึงวันนี้รัฐบาลได้เดินทางมาไกลจากเรื่องการก่อร้ายที่ระยะแรกประกาศตัวเป็นกลาง จนกระทั่งบัดนี้มีกฎหมายฉบับนี้เกิดขึ้น
ทั้งนี้ นายอัษฎากล่าวว่า ในทางระหว่างประเทศแล้ว ดูเหมือนไทยทำให้สถานการณ์รุนแรงมากขึ้น และการตราพระราชกำหนดฉบับนี้ก็เป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิมนุษยชนที่ไทยได้ลงนามไปแทบทั้งสิ้น
นายอัษฎากล่าวดักคอว่า หากพูดไปเช่นนี้ ตนก็คงถูกกล่าวหาว่าไม่รักชาติหรือเป็นพวกประชาธิปัตย์อีก
"คนเราก็รักชาติกันทุกคน แต่ถ้าพึ่งพารัฐบาลของตนเองไม่ได้ ก็ต้องหันไปพึ่งที่อื่น" นายอัษฎากล่าว
นายธนบูย์ จิรานุวัฒน์ อดีตอัยการกองคดีอาญา และอาจารย์พิเศษสาขาวิชากฎหมายระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า แม้พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน 2548 จะบัญญัติยกเว้นความรับผิดของเจ้าหน้าที่รัฐในการละเดต่อสิทธิเสรีภาพในชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สิน แต่ประชาชนก็ยังมีช่องที่ที่จะฟ้องร้องให้รัฐบาลไทยต้องรับผิดต่อองค์กรยุติธรรมระหว่างประเทศ ตามกฎหมายระหว่างประเทศได้ 4 ช่องทาง ได้แก่ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน องค์การสหประชาชาติ, ศาลสิทธิมนุษยชนยุโรป, ศาลอาชญากรระหว่างประเทศ และทุกศาลในประเทศสหรัฐอเมริกา
โดยนายธนบูลย์อธิบายว่า มีตัวอย่างหลายคดีที่ประชาชนในประเทศอื่นถูกรัฐบาลละเมิดสิทธิมนุษยชน แต่ศาลสหรัฐรับฟ้อง เนื่องจากเข้าองค์ประกอบกฎหมายของสหรัฐอเมริกา