ประชาไท -26 ก.ค.48 "พลังงานนิวเคลียร์จะเป็นคำตอบที่ต้องพิจารณาในที่สุด เพราะผมเชื่อว่าไม่มีทางเอาพลังงานทางเลือกหรือพลังงานทดแทนมาใช้ได้พอเพียงอย่างแน่นอน ซึ่งถ้าไม่ปรับกระบวนทัศน์ที่ความต้องการพลังงานยังเพิ่มขึ้นตลอดก็คงต้องหันไปใช้นิวเคลียร์ ผมขอเสนอทางออกสำหรับประเทศไทย 2 ทางว่าจะปรับระบวนทัศน์ใหม่ตามยุโรปหรือจะพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์ตามสหรัฐ" อ.ชาญชัย ลิมปิยากร สมาคมเทคโนโลยีที่เหมาะสม แสดงมุมมอง
จากเวทีพูดคุยในหัวข้อ "ธรรมาภิบาลกับพลังงานทางเลือก" วันนี้ อ.ชาญชัย เปิดเผยว่าสถาน
การณ์พลังงานกับสังคมไทยนั้นมีความจำเป็นที่จะต้องปรับกระบวนทัศน์ใหม่ นั่นคือการปรับลดการใช้พลังงานอย่างยั่งยืนในเป็นลักษณะพอเพียงอย่างยุโรป โดยการหันไปใช้พลังงานชุมชน เช่น พลังงานชีวมวล ไบโอแมส เป็นต้น
อ.ชาญชัย ให้ข้อมูลว่า พลังงานที่มีปัญหาใหญ่ในขณะนี้คือ พลังงานที่ใช้แล้วหมดไปซึ่งมีอยู่ถึง 90% ได้แก่น้ำมันปิโตรเลียม ถ่านหิน และนิวเคลียร์ ซึ่งเป็นส่วนของพลังงานหลักที่นำมาใช้มากมาย ขณะที่พลังงานทางเลือกมีอยู่เพียง 10% เท่านั้น
"ตอนนี้น้ำมันราคาแพงซึ่งเรากำลังไล่ตามปัญหาอยู่ ขณะที่โลกใช้อยู่น้ำมัน 80-90 ล้านบาเรลต่อวัน การที่น้ำมันราคาแพงขึ้นนั้นเนื่องจากมีช่องว่างของน้ำมันที่สำรวจกับที่น้ำมันที่ใช้มากขึ้นทุกที
โดยในปี 1970 เริ่มพบว่าสามารถขุดเจาะน้ำมันได้น้อยลง และหลังปี 2000 เป็นต้นมามีน้ำมันลดลงเรื่อยๆ ซึ่งน้ำมันเป็นทรัพยากรที่ใช้แล้วหมดไปโดยแปรผกผันกับการใช้ที่เพิ่มขึ้น" อ.ชาญชัย อธิบาย
ทั้งนี้ มีชาวต่างชาติได้คาดการณ์ไว้ว่าในปี 2008 ราคาน้ำมันจะพีคคือ ราคาจะกระโดดหรือถีบตัวสูงขึ้นมาก เพราะมีการใช้น้ำมันเพิ่มทั่วโลกอย่างต่อเนื่องปีละ 2% โดยเฉพาะจีนและอินเดีย เป็นที่แน่นอนว่าต่อไปนี้น้ำมันจะไม่มีทางลดราคาลงเลย
ขณะที่ อ. ชาญชัย มองว่าก๊าซโซฮอล์ผลิตให้ราคาต่ำจริงไม่ได้เพราะวัตถุดิบในอนาคตขึ้นราคา เนื่องจากระบบเศรษฐกิจเป็นเนื้อเดียวกันกับน้ำมัน ก็จะทำให้พลังงานทดแทนแพงขึ้นด้วย ยกเว้นแต่ว่าจะรีเซตระบบใหม่ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่าย และตนเชื่อว่านักธุรกิจไม่ยอมทำแน่ และเมื่อน้ำมันสำรองสู่สภาวะลดลงก็จะทำให้เสถียรภาพเศรษฐกิจ การเมืองโลก และอื่นๆ ไม่มั่นคงตามไปด้วย
"นโยบายการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนตามนโยบายรัฐในสัดส่วน 6% ประมาณ 1,500 เมกะวัตต์ ในปี 2554 ผมคิดว่าเป็นไปไม่ได้ จากการดูสถานการณ์ทั้งหมดแล้ว และถ้าเป็นไปได้เงินก็ไหลเข้ากระเป๋านักธุรกิจหมด ซึ่งเขาก็เตรียมการณ์ไว้หมดแล้ว ดังนั้นธรรมาภิบาลไม่มีจะมีแต่ธุรกิจ" เจ้าของอาศรมพลังงาน กล่าว
นอกจากนี้ อ.ชาญชัย ยังฟันธงว่า ถ้าคิดด้วยกระบวนคิดเก่าๆ ก็หัวแตกตาย ต้องเปลี่ยนกระบวนทัศน์ใหม่ ซึ่งเศรษฐกิจพอเพียงกลายเป็นเรื่องที่ทันสมัยขึ้นมา ด้วยการสลายชุมชนเมืองให้เป็นชนบท เน้นกระจายศูนย์และให้เทคโนโลยีที่เหมาะสม ซึ่งต้องใช้เวลา 5-6 ปี ต้องให้การศึกษากับคน เพราะต้องก้าวเกินพาราไดม์นี้ไป
"การปรับกระบวนทัศน์เป็นเรื่องยาก ผมมองว่าพลังงานทางเลือกมีทั้งผลดีและไม่ดี ยังกระจุกตัวกับกลุ่มทุน การมีส่วนร่วมภาคประชาชนก็ยังคงคล้ายการเลือกตั้งและการประท้วงวันยังค่ำ ส่วนความโปร่งใสในกระบวนการตัดสินใจก็ยังคงเป็นแบบรัฐที่ทำมาตลอด อีกทั้งผลประโยชน์ทับซ้อนก็ถือเป็นเรื่องปกติ สิ่งที่เปลี่ยนแปลงก็มีเพียงแต่ว่าใครจะขึ้นมาคุมอำนาจเพื่อสร้างความชอบธรรมให้ตนเองเท่านั้น" อ. ชาญชัย วิพากษ์พลังงานทางเลือกที่ยังไม่ใช่คำตอบของสังคมไทย
"ผมบอกไม่ได้ว่าต้องคิดอย่างไร แต่บอกได้ว่าเราต้องกลับมาพึ่งตนเอง ทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงก็ยังไม่ลงตัว แต่ต้องให้ไปปฏิบัติและเรียนรู้ใช้จริงกับทรัพยากรด้วยตนเอง ถ้ายังติดอยู่กับสังคมทุกวันนี้ก็คงไม่มีทาง ซึ่งตอนนี้กระบวนการคิดต่างๆ ก็ยังเหมือนเดิม สำหรับสิ่งแรกเราคงต้องให้คุณค่าสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรมจริงๆ เสียที" อ.ชาญชัย กล่าวทิ้งท้าย
เรื่องที่เกี่ยวข้อง