Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

ความเป็นบุตรชายของนายกรัฐมนตรี  ชีวิต ของพานทองแท้ ชินวัตร หรือโอ๊ค  เต็มไปด้วยสีสัน 



เด็กหนุ่มวัย 26 ปี  ผู้จบมัธยมปลาย โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา  ปริญญาตรี คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง   เคยติดอันดับแชมป์เศรษฐีหุ้นหมื่นล้านจากการถือหุ้นในชินคอร์ป   เป็นเจ้าของกิจการหลายประเภทเช่น สตูดิโอ She @ Mood   ร้านกาแฟ Cafeinn   บริษัท มาสเตอร์โฟน จำกัด ซึ่งนำเข้าโทรศัพท์มือถือที่มีราคาแพงที่สุดในโลก และประธานบริหารบริษัท How Come Entertainment จำกัด ที่ทำธุรกิจบันเทิงหลายชิ้น  สวนสนุกนำเข้า  Amazing Fun Park   รวมทั้งธุรกิจโฆษณาในรถไฟฟ้าใต้ดิน 
 


ไม่นานมานี้ โอ๊คเคยเป็นกระทั่งตัวแทนของชาวเชียงใหม่ เข้าแข่งขันยิงเป้าบินในกีฬาแห่งชาติ   ซึ่งสร้างความฮือฮา  แม้คะแนนที่ออกมาจะอยู่รั้งท้าย  และโอ๊คเคยให้สัมภาษณ์กระทั่งว่า อาจลงสมัคร ส..เชียงใหม่


 


ทันทีที่โอ๊ค  เอ่ยปากเองว่า  "ธุรกิจไปด้วยดี มีเวลาว่าง  พ่อเลยให้เข้ามาช่วยดูแลไนท์ซาฟารี  เพราะมีความรู้เรื่องการค้าสัตว์ดี"


 


เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาทันที ว่าโครงการที่รัฐทุ่มเม็ดเงินภาษีลงไปกว่า 1,200 ล้านบาทเช่นนี้  สามารถหยิบยื่นให้ใครก็ได้เข้ามาบริหารเช่นนั้นหรือ   โดยเฉพาะในหมู่เครือญาติและคนใกล้ชิดของผู้นำที่สุ่มเสี่ยงเหลือเกินกับข้อครหาและติฉิน  


 


ในพิธีมอบสัตว์เข้าโครงการฯ ล่าสุดเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 48  นายปลอดประสพ สุรัสวดี ผู้อำนวยการ


สำนักงานบริหารโครงการเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ยอมรับว่าได้เคยมีการพูดคุยกันนานมาแล้ว เพราะนายพานทองแท้เป็นคนรักสัตว์ โดยอาจเข้ามาในนามอาสาสมัคร เพราะที่ไนท์ซาฟารีมีอาสาสมัครเข้ามาร่วมดำเนินการหลายคน  แต่ยังไม่ได้คุยในรายละเอียดว่านายพานทองแท้จะมาดำเนินการด้านใด  และไม่ได้เกี่ยวกับบริษัทฮาวคัม


 


กระแสที่มีต่อการชวนโอ๊คมาเข้าในเผ่า "อินเดียนแดงล้านนา" ตามรูปแบบของงานวันพิธีรับมอบสัตว์ของไนท์ซาฟารีนั้น  อาจเป็นอีกหนึ่งความกดดันให้กับพานทองแท้  และเป็นที่จับจ้องในโครงการนี้เข้าไปอีก


 


เพราะยังไม่เคยปรากฏต่อสาธารณะว่า  สัตว์ที่โอ๊ครักคืออะไร  และมีประสบการณ์ในการค้าสัตว์ช่วงใดของชีวิต  ปัจจัยแวดล้อมขณะนี้ที่ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะผูกโยงโอ๊คเข้ากับพื้นที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีคือผลงานการประกอบธุรกิจของบริษัทฮาวคัมมากกว่า ทั้งการได้สัมปทานธุรกิจโฆษณาในรถไฟฟ้าใต้ดินแบบเหนือเมฆ  ประสพการณ์นำเข้าสวนสนุก Amazing Fun Park  ที่บังเอิญพื้นที่ใกล้ไนท์ซาฟารีมีการเตรียมการสร้างสวนสนุกขึ้นมาอีกด้วย


 


ที่สำคัญ   มีการเข้ามาของหลายบุคคล หลายบริษัทที่ก่อให้เกิดคำถามเช่นเดียวกันกับโอ๊คก่อนหน้านี้


 


เอาแค่การจัดจ้างบริษัทที่ปรึกษาไนท์ซาฟารีแต่แรกเริ่ม  เป็นที่รับรู้ถึงการเข้ามาของบริษัทเบอร์นาร์ด แฮริสันแอนด์เฟรนด์ ว่าเป็นของ ดร.เบอร์นาร์ด แฮริสันผู้มีความรู้เรื่องสวนสัตว์กลางคืนที่สิงคโปร์ ว่าจ้างไปด้วยวงเงินราว 19 ล้านบาทให้จัดทำแผนแม่บท  แต่กับอีกหนึ่งบริษัท ซึ่งเป็นของคนไทยที่ชื่อ บริษัทเทสโก้ จำกัด  โครงการได้ว่าจ้างในวงเงิน 30 ล้านบาท   รับผิดชอบการออกแบบรายละเอียดนั้น  ยังไม่เคยมีเอกสารเปิดเผยต่อสาธารณะถึงรายละเอียดการพิจารณาคัดเลือกและจัดจ้างใดใด 


 


ยังไม่รวมกับการประกอบธุรกิจภายในโครงการและเกี่ยวเนื่อง ที่ขณะนี้ใกล้เวลาที่จะเปิดตัวไนท์ซาฟารีอย่างเป็นทางการแล้ว  เงื่อนไขการเข้าประกอบธุรกิจภายในโครงการยังไม่มีการประกาศเปิดประมูลหรือแจกแจงตามขั้นตอน  ถือว่าคนวงนอกยังยากลำบากที่จะได้รับรู้และเข้าถึงอย่างยิ่ง


 


การมาของโอ๊ค จึงยิ่งจุดประกายข้อสงสัยให้ได้ย้อนกลับไปมีคำถามถึงความโปร่งใส ของการบริหารจัดการสวนสัตว์กลางคืนแห่งแรกของประเทศไทยแห่งนี้


 


 


 


           


 


 


 


 


 


 


 


 


 


       นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงการเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ใกล้เคียงกับโครงการเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีว่าอนาคตจะมีการเชื่อมโยงกับสวนสัตว์เชียงใหม่และปางช้างที่กำลังจะดำเนินการก่อสร้างบนพื้นที่ 6,000 ไร่ติดกับไนท์ซาฟารี และพื้นที่จัดงานพืชสวนโลก รวมทั้งแหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ใกล้เคียงเข้าด้วยกันทั้งหมด และมีการบริหารจัดการภายใต้องค์กรเดียวกันเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด เน้นการท่องเที่ยวเพื่อศึกษาธรรมชาติเป็นสำคัญ โดยระหว่างแหล่งท่องเที่ยวในบริเวณเดียวกันนี้จะเชื่อมโยงการเดินทางโดยระบบเคเบิลคาร์หรือกระเช้าไฟฟ้า


      


       ทั้งนี้ในส่วนของการก่อสร้างเคเบิลคาร์นั้นกำลังจะเริ่มทำการศึกษาความเป็นไปได้ จากนั้นจะทำการออกแบบและดำเนินการก่อสร้างเลย โดยกระบวนทั้งหมดคาดว่าจะแล้วเสร็จในระยะเวลาประมาณ 1 ปี ใช้เงินลงทุนประมาณ 1,000-1,500 ล้านบาท ซึ่งดำเนินการทั้งหมดรัฐจะเป็นผู้ลงทุนเองเพื่อเป็นการตัดปัญหาการถูกคัดค้าน


      


       ส่วนเส้นทางของเคเบิลคาร์จะวิ่งไปตามเชิงดอยสุเทพ และจะมีการเชื่อมโยงกับระบบรถโมโนเรลของเมืองเชียงใหม่ที่จะมีการดำเนินการก่อสร้างในอนาคต 2 แห่ง คือ ที่บริเวณสวนสัตว์เชียงใหม่เชิงดอยสุเทพ และบริเวณทางเข้าโครงการเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ซึ่งเชื่อมั่นว่าโครงการนี้นอกจากจะประโยชน์ในการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวแล้วยังจะเป็นการลดปัญหาการคมนาคมไปพร้อมกันด้วย เพราะเป็นเหมือนกับระบบขนส่งมวลชนอีกระบบหนึ่ง


      


       ขณะเดียวกันนายปลอดประสพกล่าวถึงการใช้น้ำในพื้นที่โครงการเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีว่า ยืนยันได้ว่าไม่น่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับใช้น้ำเกิดขึ้นเพราะในพื้นที่โครงการได้มีการขุดเจาะบ่อบาดาลลึก 250 เมตร จำนวน 15 บ่อ และมีอ่างเก็บน้ำเอง รวมทั้งมีระบบน้ำประปาด้วย ดังนั้นจึงไม่ต้องหวั่นเกรงว่าจะมีการแย่งน้ำจากแหล่งน้ำใกล้เคียงมาใช้ เพราะโครงการก็เปรียบเสมือนหมู่บ้านแห่งหนึ่ง และการใช้น้ำเลี้ยงสัตว์ก็ไม่มากมายอะไร


      


       ส่วนการใช้น้ำจากคลองชลประทานนั้นย้ำว่าจะไม่มีการนำมาใช้อย่างเด็ดขาดเพราะมีแหล่งน้ำของโครงการอยู่แล้ว ยกเว้นในกรณีที่เกิดวิกฤตและมีความจำเป็นจริงๆ จะใช้เป็นทางเลือกสุดท้าย ซึ่งเห็นว่าไม่ได้เป็นสิ่งที่เสียหายแต่อย่างใด


ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมส่งมอบสัตว์ป่า 168 ตัว เข้าพื้นที่ "เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี" มั่นใจอนาคตสามารถพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดเทียบชั้นดิสนีย์แลนด์ ขณะเดียวกันเชื่อว่าน่าจะส่งผลดีต่อการศึกษาวิจัยสงวนพันธุ์สัตว์ป่ามากกว่าทำลายธรรมชาติ พร้อมเผยนายกรัฐมนตรีสั่งการเร่งเจรจาแลกเปลี่ยนเสือขาวจากต่างประเทศมาจัดแสดงด้วย


      


       วันนี้ (23 ..2548) นายยงยุทธ ติยะไพรัช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เป็นประธานในพิธีมอบสัตว์ป่าของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพรรณพืช และองค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์ให้แก่โครงการเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี หรือสวนสัตว์กลางคืนจังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งสิ้น 168 ตัว เพื่อใช้ในการจัดแสดงและศึกษาวิจัย โดยในโอกาสนี้ได้มีการเชิญนักเรียนและประชาชนจากพื้นที่ต่างๆ ในจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดเชียงรายรวมทั้งสิ้นประมาณ 3,000 คนเข้าชมพื้นที่โครงการ ก่อนที่จะมีการเปิดบริการนักท่องเที่ยวด้วย



      


       การส่งมอบสัตว์ป่าในครั้งนี้ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพรรณพืชได้มอบให้โดยไม่คิดมูลค่ามีทั้งหมด 9 ชนิด จำนวน 138 ตัว ประกอบด้วย ละมั่ง 20 ตัว แมวดาว 6 ตัว กวางผา 10 ตัว หมีขอ 8 ตัว เนื้อทราย 20 ตัว เสือปลา 2 ตัว กระจง 26 ตัว กระจงหนู 40 ตัว และกวางป่า 6 ตัว ขณะที่สัตว์ป่าจากองค์การสวนสัตว์เป็นการขายให้ในราคาพิเศษจำนวน 5 ชนิด 29 ตัว ประกอบด้วย สุนัขจิ้งจอก 6 ตัว สิงโต 2 ตัว แมวดาว 6 ตัว เม่นใหญ่แผงคอยาว 12 ตัว และเสือปลา 3 ตัว


      


       รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่านอกจากการมาเป็นตัวแทนในการส่งมอบสัตว์ป่าให้แก่โครงการเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีแล้ว ยังถือโอกาสสำรวจดูพื้นที่โครงการด้วย ทางกระทรวงฯ จะสามารถเข้ามาให้ความช่วยเหลืออำนวยความสะดวกในด้านใดได้อีกหรือไม่ เพราะสวนสัตว์แห่งนี้ถือเป็นสมบัติของชาติ ซึ่งเท่าที่เห็นพบว่าโครงการมีความใหญ่โตและสวยงามสมกับที่ได้รับคำชมเชยจากนายกรัฐมนตรี


      


       "ขณะเดียวกัน ไนท์ซาฟารีซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเชียงใหม่เวิลด์ที่จะมีการเชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ เช่น สวนสัตว์เชียงใหม่ งานพืชสวนโลก พระธาตุดอยสุเทพ รวมทั้งปางช้างที่กำลังจะมีการสร้างขึ้นในอนาคต ซึ่งน่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุด สามารถเทียบเคียงได้กับดิสนีย์เวิลด์ และเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันเชียงใหม่ให้เป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาค" นายยงยุทธกล่าว


       


       ส่วนที่มีหลายฝ่ายหวั่นเกรงว่าโครงการนี้จะเป็นโครงการที่ทำลายธรรมชาตินั้น จะมีการประสานงานเพื่อทำความเข้าใจให้ถูกต้องต่อไป ทั้งนี้โดยส่วนตัวมองว่าการนำสัตว์ป่ามาดูแลอยู่ในพื้นที่โครงการเพื่อทำการศึกษาวิจัยและขยายพันธุ์ รวมทั้งเปิดโอกาสให้คนทั่วไปโดยเฉพาะเยาวชน นักเรียน นักศึกษา ได้เข้ามาเรียนรู้ศึกษาธรรมชาติ ในลักษณะที่ไม่เป็นการใช้ประโยชน์จากธรรมชาติมากเกินไป น่าจะเป็นผลดีในการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าไม่ให้สูญพันธุ์มากกว่า ควบคู่ไปกับการที่ทำให้ผู้คนมีความรู้ความเข้าใจและหวงแหนอนุรักษ์ธรรมชาติมากขึ้นด้วย ซึ่งหลายแห่งได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่านอกจากจะเป็นการสงวนรักษาสัตว์ป่าหลายชนิดไม่ให้สูญพันธุ์ ยังเป็นการเพิ่มจำนวนขึ้นอีกด้วย


      


       นอกจากนี้นายยงยุทธ กล่าวถึงการแลกเปลี่ยนสัตว์จากต่างประเทศเพื่อนำมาจัดแสดงในโครงการเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีว่า ล่าสุดนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ทางโครงการพิจารณาความเป็นไปได้ในการเจรจาแลกเปลี่ยนเสือขาวจากต่างประเทศเข้ามาจัดแสดง ซึ่งทางโครงการคงจะมีการดำเนินการต่อไปในเร็วๆ นี้ ส่วนการแลกเปลี่ยนสัตว์กับทางออสเตรเลีย ทางผู้บริหารของทางฝ่ายออสเตรเลียได้เห็นชอบในหลักการแล้ว ซึ่งทางไทยก็มีความพร้อมเช่นกัน


      


       ทั้งนี้ยืนยันว่าสัตว์จากไทยที่จะส่งไปนั้นจะต้องได้รับการปรับสภาพให้มีความพร้อมทุกด้าน หากไม่พร้อมจะไม่ยอมให้ส่งไปเด็ดขาดเพราะเกรงว่าอาจมีความเสียหายเกิดขึ้น รวมทั้งก่อนที่จะมีการส่งไปจะเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายที่มีความห่วงใยได้ตรวจดูสภาพจริงทั้งหมดเสียก่อนเพื่อให้ปราศจากข้อสงสัย ซึ่งการแลกเปลี่ยนสัตว์นี้เป็นการแลกเปลี่ยนเพื่อความหลากหลายทางด้านธรรมชาติศึกษาที่ถือว่าเป็นเรื่องปกติ


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net