Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

ประชาไท- แม้ตามหลักการผู้หญิงในอัฟกานิสถานหลังยุครัฐบาลตาลีบันจะสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการปกครอง  ทว่าโอกาสที่แท้จริงนั้นกลับมีน้อยมาก เส้นทางเข้าสู่สภาของผู้หญิงเหล่านี้ยังอาจต้องแลกด้วยชีวิต


 


มีโน้ตสั้นๆสอดใต้ประตูรั้วหน้าบ้านของ มาหมุด ชาฮ์ เขียนด้วยลายมือที่สวยงามและเป็นระเบียบ แต่เต็มไปด้วยถ้อยคำแสดงความเกลียดชังว่า " ถ้าไม่เลิกช่วย นูร์เซีย ชาร์คี หาเสียงแล้วละก็ ให้ระวังตัวให้ดี ชีวิตจะอยู่ในอันตราย แล้วช่วยบอกนูร์เซีย ชาร์คีด้วยว่า ให้ถอนตัวจากการสมัครรับเลือกตั้งครั้งนี้เสีย ไม่อายบ้างหรือไงที่รูปผู้หญิงในบ้านเป็นโปสเตอร์ติดหราอยู่กลางตลาดน่ะ"


 


ชาร์คี หญิงวัย 36 ปี เป็นผู้สื่อข่าวประจำอยู่ที่กรุงคาบูล ซึ่งได้ลงสมัครรับเลือกตั้งเข้าสู่รัฐสภาใหม่ของอัฟกานิสถานที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 18 กันยายนปีนี้ เธอจะลงสมัครเป็นผู้แทนในเขตจังหวัด โลการ์ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเธอ ซึ่งเธอได้พบกับความท้าทายอย่างมากเนื่องจากทั้งตัวเธอ ญาติของเธอ และรวมทั้ง ชาฮ์ซึ่งเป็นลูกพี่น้องกับเธอกลับถูกข่มขู่สารพัดครั้งแล้วครั้งเล่า


 


"ฉันจะไม่ถอนตัว เพราะว่าฉันต้องการที่จะให้คนได้เห็นว่าผู้หญิงก็สามารถทำสิ่งนี้ได้ แต่ก็แน่นอนว่าฉันก็กลัวว่าฉันอาจจะถึงแก่ชีวิตได้ ...... คนที่ทำสิ่งนี้นั้นมือของพวกเขาเคยเปื้อนเลือดแล้ว", ชาร์คีกล่าวในระหว่างการเดินทางไปเยี่ยมครอบครัวของชาฮ์ 50 ไมล์ ทางตอนใต้ของ คาบูล " แต่ที่ฉันกลัวยิ่งกว่าก็คือ เกรงว่าพวกนั้นจะป้ายสีให้ฉันเสื่อมเสียชื่อเสียง ซึ่งนั่นเลวร้ายยิ่งกว่าความตายเสียอีก" เธอกล่าวต่อ


 


สถานการณ์ของชาร์คีนั้นได้ย้ำให้เห็นถึงทั้งความยากลำบากที่ผู้หญิงต้องที่เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งต้องเผชิญและการตัดสินใจที่หลายๆคนได้แสดงออกมาในฐานะที่ได้ก้าวเข้ามาสู่การแข่งขันเพื่ออำนาจทางการเมืองซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน


 


ถึงแม้ว่า ครอบครัวชาวอัฟกันส่วนใหญ่จะยังคงห้ามภรรยาและลูกสาวเปิดเผยหน้าตาในที่สาธารณะ แต่ก็มีผู้หญิง 328 คนที่สมัครเข้ารับการเลือกตั้งเพื่อเป็นสมาชิกสภาผู้แทนซึ่งเข้าชิงในสภาที่มี 249 ที่นั่งและได้กำหนดโควตาไว้ให้ผู้หญิง 68 ที่นั่ง นอกจากนั้นยังมีผู้หญิง 237 คนที่สมัครเข้ารับเลือกตั้งเพื่อเข้าไปเป็นสมาชิกสภาจังหวัดซึ่งจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกวุฒิสภาโดยให้โควตาผู้หญิง 1 ใน 3 ของสมาชิกทั้งหมด


 


ทั้งๆที่มีประเพณีปฏิบัติที่เข้มงวดต่อผู้หญิง แต่การกำหนดโควตาที่นั่งให้กับผู้หญิงตามระเบียบการนั้นก็จะเป็นการกระตุ้นให้พรรคการเมือง ผู้นำเผ่าและครอบครัวที่มีอำนาจได้สนับสนุนผู้สมัครที่เป็นผู้หญิงซึ่งไม่เช่นนั้นแล้วพวกเขาอาจละเลยหรือห้ามไม่สมัครก็ก็ได้


 


"มีการสนับสนุนให้ผู้หญิงสมัครรับเลือกตั้งมากกว่าที่เราคาดเอาไว้นิดหน่อย" รีน่า อามีรี เจ้าหน้าที่ฝ่ายกิจการการเมืองขององค์การสหประชาชาติ( UN) ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ติดตามตรวจสอบการเลือกตั้ง ตั้งข้อสังเกต


 


กระนั้น ผู้สมัครที่เป็นผู้หญิงในจังหวัดต่างๆทั่วประเทศต่างร้องเรียนว่าได้รับโทรศัพท์ และจดหมายข่มขู่เอาชีวิตพวกเธอถ้าเธอไม่ถอนตัวจากการสมัครครั้งนี้


 


ทางตอนใต้ของจังหวัด เฮลมานด์ เจ้าหน้าที่ของ UN กำลังสืบสวนรายงานเรื่องจดหมายเวียนที่เสนอให้ค่าหัว 4,000 เหรียญสหรัฐฯ (160,000บาท) ในการฆ่าผู้สมัครที่เป็นหญิง ทางตะวันออกเฉียงใต้ของ จังหวัด ซาบูล กลุ่มมือปืนไม่ทราบจำนวนพยายามที่จะจี้รถยนต์ของ ซาร์มินา ปาทาน ผู้สมัครและเจ้าหน้าที่องค์การบรรเทาทุกข์ของท้องถิ่น เจ้าหน้าที่จาก UN และเจ้าหน้าที่ชาวอัฟกันกล่าวว่า พวกเขากำลังพยายามตรวจสอบอยู่ว่าเป็นการโจมตีทำร้ายรายวันหรือว่าเป็นความพยายามที่จะข่มขู่เธอเป็นการเจาะจง


 


ที่จังหวัดโลการ์นั้น ชาร์คี ไม่ได้เป้นผู้สมัครหญิงเพียงคนเดียวที่โดนข่ทขู่ โซไบดา สดาเนคไซ ที่ปรึกษาโรงเรียน วัย 52 ซึ่งเป็นผู้สมัครครั้งนี้ด้วยกล่าวว่า เธอกำลังสงสัยอยู่ว่าใครเป็นผู้วางเพลิงบ้านของเธอเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา


 


" พวกนั้นพยายามทำให้ฉันกลัวแล้วต้องถอนตัวออกไป" สตาเนคไซกล่าว บ้านของเธอเคยถูกโจมตีด้วยระเบิดเมื่อปีที่แล้วเมื่อเธอเข้าทำงานลงทะเบียนผู้หญิงเพื่อให้ใช้สิทธิออกเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี " แต่ว่า การตัดสินใจเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งของฉันนั้นไม่มีวันสั่นคลอนหรอก"


 


ถึงแม้ว่าตามตัวเลขแล้วจะดูเหมือนว่ามีผู้หญิงเข้ามาเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นจำนวนมากอยู่ ทว่า จริงๆแล้วผู้หญิงยังคงเข้ามาสมัครน้อยมากเมื่อเทียบกับตัวเลขผู้สมัครทั้งหมด กล่าวคือ มีผู้หญิงเป็นผู้สมัครเพียงร้อย 12 ของผู้สมัครเลือกตั้งสู่รัฐสภา และ ร้อยละ 8 ของผู้สมัครเพื่อเป็นสมาชิกสภาจังหวัด


 


ในจังหวัดอูรัซกัน ซึ่งอยู่ห่างไกลและอนุรักษ์มากๆ ไม่มีผู้หญิงลงสมัครรับเลือกตั้งเลยแม้แต่คนเดียว และเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้สมัครหญิงจำนวน 50 คน ของถอนตัว


 


ในจังหวัดปัคติกา เขตชนเผ่าที่แสนอ้างว้างที่ไม่มีโรงเรียนมัธยมต้นสำหรับเด็กหญิงแม้แต่โรงเดียว ผู้สังเกตการณ์การเลือกตั้งได้บอกให้ครูในหมู่บ้านที่เดินทางไปตัวจังหวัดให้ไปลงทะเบียนเป็นผู้สมัคร และในที่สุดก็ต้องเดินทางด้วยความยากลำบากอีกครั้งหนึ่งในอีก 4 วันต่อมาเพื่อถอนตัวออกจาการเป็นผู้สมัครของเธอ


 


ปีเตอร์ เมอร์ฟี ผู้ติดตามตรวจสอบการเลือกตั้งชาวอังกฤษ กล่าวว่า  ครูคนนั้นเล่าให้ฟังว่า กลุ่มผู้นำศาสนา เห็นที่เธอไปลงสมัครและออกไปจากหมู่บ้านและบอกกับกลุ่มผู้อาวุโสว่าเป็นเรื่องที่ผิดที่เธอจะสมัคร  เมอร์ฟีบอกว่า " ผมพยายามที่จะคุยกับเธอเพื่อไม่ให้เธอถอนตัว แต่ว่าเธอกลัวจริงๆ เธอบอกว่า คนในตลาดเริ่มพูดถึงเธอและสามีในทางไม่ดี และเธอเชื่อว่าครอบครัวของเธออาจจะถูกขับออกจากหมู่บ้านหรือไม่มีใครสมาคมด้วย"


 


การแสดงความชิงชังต่อบรรดาผู้สมัครหญิงที่เกิดขึ้นนั้นสะท้อนให้เห็นถึงประเพณีที่ไม่ผ่อนคลายให้กับผู้หญิงที่มีบทบาทในสาธารณะ เป็นทัศนคติที่ถูกกรอบต่อมาจากในช่วงคริสต์ศตวรรษ 1990 ที่ประเทศถูกปกครองโดยกลุ่มนักรบอิสลาม และต่อมาโดยกลุ่มอิสลามสุดโต่งอย่างขบวนการตาลีบัน


 


เจ้าหน้าที่จากคณะกรรมการจัดการการเลือกตั้ง ซึ่งประกอบด้วยชาวอัฟกันและชาวต่างชาติ กล่าวว่า การร้องเรียนที่พวกเขาได้รับเกี่ยวกับผู้สมัครหญิงนั้นบ่อยครั้งยืนยันว่าผู้หญิงที่ถูกตั้งคำถามนั้นเป็นผู้ที่ไม่มีคุณสมบัติพอ เพราะว่า เธอสูญเสียความดีงามไปแล้ว หรือว่า "เธอมีชื่อเสียงที่เสื่อมเสีย"


 


กระนั้น ทางผู้สังเกตการณ์กล่าวว่า ก็ไม่แน่เสมอไปว่าที่ผู้สมัครหญิงถูกโจมตีนั้นเป็นเพราะความหญิงอย่างเดียวหรือไม่หรือว่าเป็นเพราะประเด็นที่คู่ต่อสู่นำมาโจมตีเธอนั้นอาจเป็นเพราะเหตุผลอื่นด้วยก็ได้


 


ตัวอย่าง ในกรณีของชาร์คีนั้น ฝ่ายตรงข้ามของเธอนั้นเกี่ยวพันทั้งในเรื่องของครอบครัวและการเมืองเรื่องศาสนา เธอเชื่อว่า การข่มขู่นั้นอาจเริ่มต้นจากที่ ชาฮ์ โมฮัมเหม็ด ยูซาฟไซ ชาร์คี ผู้สมัครที่เป็นญาติห่างๆกับเธอจากบ้านเกิด


 


พี่เขยของยูซาฟไซ ชาร์คี เคยเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดนังกาฮาร์สมัยรัฐบาลตาลีบัน ที่หลบหนีออกมา นูร์เซีย ชาร์คี และคนในหมู่บ้านคนอื่นๆอ้างว่า ยูซาฟไซ ชาร์คี นั้นเป็นผู้บัญชาการย่อยสมัยตาลีบันที่มีอำนาจมาก เธอกล่าวว่า บรรดาญาติๆบอกเธอว่า ในการรวมตัวกันของเผ่าเมื่อเร็วๆนี้ ยูซาฟไซ เรียกการสมัครของของเธอว่า เป็นเรื่องที่น่าละอาย และกล่าว่าควรจะมีใครสักคนฆ่าเธอเสีย


 


"เขาคัดค้านการสมัครของผู้หญิงอย่างสิ้นเชิง" นูร์เซีย ชาร์คีกล่าว " ในยุคตาลีบันนั้น เขาจะเดินตามกลุ่มผู้หญิงพร้อมด้วยแส้ในมือ ถึงตอนนี้เขาก็ยังไล่ต้อนพวกเราอยู่" อย่างไรก็ตามเธอก้รู้ว่าครอบครัวของเธอนั้นทะเลาะกับยูซาฟไซ ชาร์คีมานานแล้วก่อนที่จะมีการสมัครรับเลือกตั้งของเธอ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net