นักวิจัยได้พัฒนาเครื่องวินิจฉัยหาเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดบี และ ซี ชนิดใหม่ได้แล้ว ที่ทั้งถูก สะดวก และรวดเร็ว แทนวิธีการเดิมที่การตรวจหาไวรัสตับอักเสบที่มีประสิทธิภาพนั้น มีราคาแพง เสียเวลามากและทำได้เฉพาะผู้เชี่ยวชาญและต้องทำในห้องปฏิบัติการเท่านั้น
วิธีการใหม่นี้จะเป็นการใช้ "ชิบโปรตีน" ซึ่งเป็นชิบขนาดเล็ก เป็นเครื่องมือที่เคลื่อนย้ายได้ซึ่งทำให้เป็นการง่ายที่จะหาโปรตีนชนิดใดชนิดหนึ่งโดยเฉพาะในตัวอย่างเลือด
การใช้วิธีการนี้จะทำให้การวินิจฉัยและการรักษาทั้งไวรัสตับอักเสบ บี และ ซี ทำได้ง่ายขึ้นในประเทศกำลังพัฒนาซึ่งโรคนี้กำลังเป็นปัญหาอย่างมาก
คณะทีมวิจัยนำทีมโดย เย่ฝู หวาง แห่งมหาวิทยาลัยอู่ฮ่น ของจีน ได้สร้างชิบโปรตีนซึ่งสามารถดักจับไวรัสตับอักเสบบี และ ซีในตัวอย่างเลือด โดยการทำให้รู้จักกับแอนตี บอดี้ ที่คนผลิตขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับการติดเชื้อ
ชิบชนิดนี้จะเป็นแผ่นกระจกเล็กๆที่เคลือบด้วยโปรตีนของไวรัส เมื่อเลือกจากผู้ที่ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ถูกเพิ่มเข้าไป แอนตี้บอดีก็จะติดกับโปรตีนของไวรัส
ในชิบนี้จะประกอบด้วยชิ้นส่วนทองที่ถูกกำหนดให้ไปติดอยู่กับแอนตีบอดี้ และทำให้สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้ และพวกนี้ก็จะยังคงอยู่จนกว่าชิบจะถูกล้างออก และบอกได้ว่าผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ
รายงานการวิจัยดังกล่าวได้ถูกตีพิมพ์ทางอินเตอร์เน็ต โดย BMC Infectious Disease เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม ระบุว่า กระบวนการดังกล่าวนี้สามารถบอกผลได้ภายใน 40 นาทีเท่านั้น
ทีมงานของหวาง เพิ่มเติมว่า สิ่งที่ขึ้นมาใหม่นี้มีประสิทธิภาพเท่าๆกับเครื่องมือมที่มีอยู่เดิมแต่แพงและเสียเวลาในวินิจฉัยโรค
" นี่เป็นการตกแต่งเทคโนโลยีเพื่อใช้สำหรับความต้องการของประเทศกำลังพัฒนาทั้งในระดับวิชาการและเศรษฐกิจ" อับดุลลาห์ ดาอาร์ ผู้อำนวยการร่วมจาก the Canadian Program on Genomics and Global Health จากมหาวิทยาลัยโตรอนโต ประเทศแคนาดากล่าว
ดาอาร์กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ SciDev.net ว่า ประเทศกำลังพัฒนามีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องมีเทคโนโลยีที่ง่ายและไม่แพงมาใช้สำหรับการวินิจฉัยและติดตามตรวจสอบโรคติดต่อต่างๆ เขากล่าวด้วยว่า การใช้ชิบโปรตีนนี้สามารถที่จะสร้างขึ้นเพื่อใช้ในตรวจสอบวินิจฉัยโรคอื่นๆได้ด้วยเช่นกัน อย่างเช่น เอชไอวี/เอดส์
ไวรัสตับอักเสบบี เป็นสาเหตุหลักที่จะนำไปสู่มะเร็งตับ
----------------------------------------------------------------
ที่มา: scidev.net
http://www.scidev.net/News/index.cfm?fuseaction=readNews&itemid=2277&language=1