ประชาไท- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศปาปัว นิวกินี บอกให้กลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนในจังหวัด ปาปัว ตะวันตก ของอินโดนีเซีย ให้หาทางจัดตั้งเขตปกครองตนเองอย่างที่อาเจ๊ะห์เพิ่งจะบรรลุข้อตกลงกับรัฐบาลอินโดนีเซียเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

นาย แรบบี นามาลิว รัฐมนตรีต่างประเทศปาปัว นิกีกี กล่าวข้อความข้างต้นเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ( 18 สิงหาคม) หลังจากที่ได้จุดประกายความขัดแย้งอย่างรุนแรงเกิดขึ้นโดยการไม่ยอมให้ผู้นำกลุ่มแบ่งแยกดินขบวนการปลดปล่อยปาปัว ( OPM) เข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำ 4 กลุ่มประเทศเมลาเนเซียนที่จัดขึ้นเมื่อสัปดาห์เดียวกันที่โกโรคา เมืองเอกของ เขตไฮแลนด์ ปาปัว นิวกินี

ชาวปาปัวตะวันตกในอินโดนีเซียนั้นก็เป็นชนเผ่าเมลาเนเซียนเช่นกัน ดังนั้นการที่ทางปาปัว นิวกินี ไม่ยอมให้ตัวแทนจากปาปัวตะวันตก ได้เข้าร่วมประชุมนี้จึงทำให้เกิดการต่อต้านจากเจ้าหน้าที่บางส่วนของปาปัวนิวกินี และ ประเทศในมหาสมุทรแปซิฟิคอย่างวาเนาตูซึ่งเป็นผู้ที่เชิญ จอห์น ออนดาวาเม ตัวแทนของกลุ่ม OPM ให้เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ด้วยในฐานะผู้สังเกตการณ์

ทั้งนี้ การประชุม 4  ประเทศของกลุ่มแกนนำเมลานีเซียนประกอบด้วย ปาปัว นิวกินี ฟิจิ หมู่เกาะโซโลมอน และวาเนาตู โดยใน 4 วันแรกจะเป็นการประชุมระดับเจ้าหน้าที่และวันสุดท้ายจะเป็นการประชุมสุดยอดผู้นำที่จะนำเอาผลจากที่ประชุมระดับเจ้าหน้าที่มาสู่ข้อตกลงร่วมกัน

นามาลิว กล่าวเพื่อแก้ต่างการให้กับตนเองที่ได้กันไม่ให้ออนดาวาเมเข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ว่า สถานการณ์ของปาปัวตะวันตกนั้นเป็นเรื่องภายในประเทศของรัฐบาลอินโดนีเซียซึ่งปัจจุบันได้เรียกชื่อดินแดนอดีตอาณานิคมของชาวดัชต์บริเวณนี้ว่า อิเรียน จายา มาตั้งแต่ปี 1963

เขาแนะนำว่า ชาวปาปัวตะวันตก ควรหารูปแบบของการจัดตั้งรัฐบาลท้องถิ่นปกครองตนเอง ในทำนองเดียวกันกับที่อาเจ๊ะห์ได้ทำกับรัฐบาลอินโดนีเซียเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ( 15 สค.) ซึ่งกลุ่มแบ่งแยกดินแดนอาเจ๊ะห์นี้ก็ได้ต่อสู้กับรัฐบาลมานานหลายทศววรษเพื่อที่จะให้จังหวัดอาเจ๊ะห์มีอิสรภาพ

โฆษกของ OPM  ได้กล่าวแสดงความเสียใจที่กลุ่มของตนถูกกันออกจากจากประชุมว่า ชาวปาปัวตะวันตก ต้องการความช่วยเหลือจากรัฐบาลในกลุ่มเมลาเนเซียนด้วยกันเพื่อต่อสู้กับการถูกละเมิดสิทธิมนุษย์ที่กระทำโดยทหารอินโดนีเซีย

" เราไม่ต้องการให้การละเมิดสิทธิมนุษยชนเช่นนี้ยังคงมีต่อไปจนถึงรุ่นลูกรุ่นหลานของเรา" จาค็อบ รัมเบี๊ยค กล่าวกับเอบีซี นิวส์

"เราต้องการจะแลกเปลี่ยนกับเด็กๆชาวเมลาเนเซียนของเราว่า เราได้ต่อสู้เพื่อหยุดยั้งการละเมิดสิทธิมนุษยชนมาอย่างไรบ้าง" รัมเบี๊ยคกล่าว

-------------------------------------------------------------------------

ที่มา: เดอะ จาการ์ต้า โพสต์

http://www.thejakartapost.com/detaillatestnews.asp?fileid=20050818122032&irec=8