ทั้งเมืองจะโกลาหลมากขึ้นแต่ไหน หากไม่มีตัวกลางถ่ายทอดความเดือดร้อนและประสานความช่วยเหลือของหน่วยงาน และนี่คือตัวอย่างความเห็นที่สะท้อนสถานการณ์ฉุกเฉินของเมืองเชียงใหม่ผ่านสื่อวิทยุที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับสถานการณ์ฉุกเฉินของคนเชียงใหม่
นางสาวปาริสสา กาญจนกุล ผู้สื่อข่าวสถานีวิทยุเสียงสื่อสารมวลชน F.M.100
พลเมืองเหนือ : F.M.100 ตัดสินใจอย่างไรเป็นสื่อกลางในสถานการณ์นี้ทันที
ปาริสสา : วันอาทิตย์ก็มาทำงานที่สถานีตามปกติ พอตอนเช้าเริ่มรู้ว่าน้ำเริ่มท่วมขึ้นฝั่งมา หัวหน้าสถานีคือ ผศ.
พลเมืองเหนือ : ทำหน้าที่ทั้งประสานความช่วยเหลือและติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ปาริสสา : เปิดสายหน้าไมโครโฟน ประชาชนก็แจ้งมาว่าไม่มีใครให้ความช่วยเหลือ มีบางองค์กรก็จะช่วยเหลือ รวมทั้งติดต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บางทีเขาโทรมากบอกว่ายังไม่ได้รับอาหาร ก็ให้เทศบาลฯ เข้าสายคุยกันออกอากาศเลย ส่วนใหญ่วันอาทิตย์จะโทรมาถามเส้นทางว่าเข้าทางไหนได้บ้าง จากนั้นก็เป็นเรื่องของอาหาร และการแก้ไขสถานการณ์ อย่างเช่นประชาชนอยากได้อาหาร รองนายก เทศมนตรีฯ พรชัยบอกว่าให้คนแข็งแรงลุยน้ำออกมาเอา เขาก็เข้าสายมาว่าออกมาไม่ได้นน้ำสูงมากเป็นอันตราย ก็เปลี่ยนมาเป็นหาจุดนัดที่เหมาะสมระหว่างเจ้าหน้าที่เทศบาลกับประชาชน พอเขาได้รับแล้วก็โทรมาขอบคุณ ก็ดีใจและภูมิใจที่เป็นที่พึ่งให้ประชาชนได้อีกทางหนึ่ง
พลเมืองเหนือ: มีอุปสรรคในการทำงานไหม
ปาริสสา : ช่วงแรกก็ขลุกขลัก เลยใช้วิธีโทรเข้าเบอร์ตรงทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด นายกเทศมนตรี รองนายกเทศมนตรี ศูนย์อุทกวิทยาฯ ศูนย์อุตุฯ จราจร ก็ติดต่อได้ ยกเว้นป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยที่ยังติดต่อไม่ได้เลยจนถึงวันนี้ อาจกำลังยุ่ง หรือต้องเตรียมข้อมูลรายงานผู้ใหญ่
พลเมืองเหนือ: F.M.100 ได้รับการประสานให้แจ้งเตือนประชาชนก่อนล่วงหน้าหรือไม่
ปาริสสา :ไม่ได้รับแจ้งโดยตรง เป็นข่าวที่ได้จากกรมอุตุฯ ก่อนหน้านี้ว่าให้ระวังฝนตกหนักเท่านั้น สถานีประกาศข่าวไปตามปกติ ไม่ได้เจาะจง และเทศบาลฯ ก็บอกว่าประกาศเตือนประชาชนแล้วตอนสี่ทุ่มของวันนั้น แต่ว่าชาวบ้านบอกว่าไม่ได้รับการประกาศ และสถานีก็ไม่ได้รับ ซึ่งประชาชนที่เข้าสายมาก็พูดว่าน่าจะมีการเตือนภัยกันก่อน ซึ่งคนทำงานในสถานีก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน เพราะเชื่อว่าสถานีวิทยุทุกสถานีสามารถประกาศแจ้งประชาชนได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว
พลเมืองเหนือ: คิดเห็นต่อการอำนวยการภาวะวิกฤตนี้อย่างๆไร
ปาริสสา: ในการประสานงานนั้นเห็นว่าหน่วยงานต่างๆ ต่างคนต่างทำงาน ในขณะที่ประชาชนเดือดร้อน น่าจะมีคนที่เป็นหลักที่จะให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ประชาชน เพราะประชาชนแตกตื่นมาก คืนวันอาทิตย์มีข่าวลือตลอด คนหนึ่งบอกน้ำเพิ่ม อีกคนบอกน้ำลด ส่วนการอำนวยความช่วยเหลือขณะนี้เห็นภาพของเทศบาลฯชัดกว่าของจังหวัด ที่สำคัญคิดว่าถ้านายกรัฐมนตรีไม่ลงพื้นที่ก็ไม่รู้จะมีศูนย์ให้รัฐมนตรีช่วยมหาดไทยมามาควบคุมดูแลหรือไม่ เพราะตอนที่ไปทำข่าวสัมภาษณ์รัฐมนตรีเสริมศักดิ์ ก็บอกว่านายกรัฐมนตรีต้องการให้มากระจายงานไม่ให้สับสน ก็ไม่แน่ใจว่าถ้านายกฯ ไม่มาจังหวัดจะประชุมหรือไม่
อภิชัย มัทวพันธ์ ผู้ดำเนินรายการวิทยุอ.ส.ท.ท.เชียงใหม่ 100.75
พลเมืองเหนือ : อสมท.ตัดสินใจให้ประชาชนเข้าสายขอความช่วยเหลือเมื่อไหร่
อภิชัย : เมื่อวันเสาร์ผมเฝ้าฟังวิทยุสื่อสารก็รู้ว่าที่เชียงดาวมีน้ำท่วมผิวจราจร จากนั้นก็มีน้ำป่าไหลบ่าเข้ามาและดินสไลด์ ก็โทรเข้ามาแจ้งเหตุให้กับสถานี พอวันอาทิตย์เข้ามาทำงานแต่เช้าก็ได้พูดถึงเรื่องการเตือนภัยน้ำท่วมว่าหากเกิดฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องอย่างนี้น้ำจากตอนเหนือจะใช้เวลาไหลมาถึงตัวเมืองราว 6-7 ชั่วโมงตามข้อมูลที่ศูนย์อุทกฯ ให้ไว้ แต่ปรากฏว่ามีผู้ฟังที่บ้านอยู่หนองหอยใกล้สะพานเม็งรายสะท้อนมาว่าน้ำมาถึงหนองหอยแล้ว เลยตรวจสอบกับศูนย์อุทกวิทยา ระหว่างนั้นเป็นการถ่ายทอดข่าวและรายการถ่ายทอดของสถานี เลยใช้เวลาช่วงนั้นตรวจสอบข้อมูลจากหลายหน่วยงาน และก็มีประชาชนโทรเข้ามาเรื่อยๆ เลยตัดสินใจใช้เวลา 10.00 น. เป็นต้นไปที่จะต้องมีนักจัดรายการมาดำเนินงาน ก็คุยกันขอแจมเขาเป็นรายการสด ทำหน้าที่เป็นตัวกลางให้ประชาชนแจ้งความเดือดร้อนร่วมกันทันที ทั้งเรื่องเส้นทางจราจร และการขอความช่วยเหลือ
พลเมืองเหนือ : เกิดเหตุวิกฤตวันอาทิตย์ ทำงานยากไหม
อภิชัย : ต้องใช้ความพยายามในช่วงวิกฤตซึ่งลำบากมาก เพราะไม่มีส่วนราชการใดที่มีคนทำงานเลย จนต้องโทรเข้ามือถือผู้บริหารเทศบาลนครเชียงใหม่ว่าจะช่วยเหลือประชาชนอย่างไร กว่าจะได้ ถือว่าส่วนใหญ่ช่วงแรกของเหตุการณ์เป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างประชาชนกันเอง และแพร่กระจายออกไป ไม่มีหน่วยงานราชการใดที่เกี่ยวข้องโทรเข้ามาแจ้งอย่างเป็นทางการเลย มีเพียงหัวหน้าสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานเท่านั้นที่เข้าสายมาขอให้นายจ้างยืดหยุ่นการทำงานให้ลูกจ้าง นอกนั้นเราประสานเข้าไป ซึ่งพยายามประสานกับศูนย์ 191 หรือศูนย์ของเทศบาล 199 ก็ใช้ไม่ได้ต่อเนื่องจนถึงวันจันทร์ก็ยังติดต่อลำบาก
พลเมืองเหนือ : อสมท.ได้รับประสานให้ประกาศเตือนประชาชนก่อนหรือเปล่า
อภิชัย: ไม่ได้รับการประสานมาก่อนเลย พอเราเปิดให้ประชาชนโทรเข้า หัวหน้าสถานีก็ให้เกาะติดสถานการณ์ตลอด
พลเมืองเหนือ : มีข้อคิดเห็นต่อการเตือนภัยและการอำนวยการช่วยเหลือประชาชนในเหตุการณ์อย่างนี้อย่างไร
อภิชัย: ที่จริงเหตุการณ์เช่นนี้ มีการคาดการณ์มาล่วงหน้า แต่ผมคิดว่าเราเตรียมการป้องกันช้าเกินไป หรือไม่ทัน หรือไม่ได้เตรียมการเลย รวมทั้งเมื่อเกิดเหตุแล้วการออกให้ความช่วยเหลือก็ไม่มี ยิ่งใกล้เย็นวันอาทิตย์ยิ่งวิกฤต นี่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของการช่วยเหลือ ข้อด้อยที่เกิดขึ้นคือน่าสังเกตคือ ศูนย์บรรเทาสาธาณภัยไปไหน การติดต่อของประชาชนยากมาก เหตุการณ์ขยายวงกว้างอย่างนี้ ท้องถิ่นไม่มีศักยภาพช่วยตัวเอง เบื้องต้นหน่วยงานท้องถิ่นออกก่อน ป้องกันภัยจังหวัดไปไหน หน่วยงานกรมป้องกันอยู่ที่ไหน อุปกรณ์ต่างๆ ไม่พร้อม เรือท้องแบบไม่มีใช้ และไม่รู้ว่าตอนเย็นทหารที่ออกมาเพราะกระแสจากข่าว หรือได้รับบัญชาจากไหนก็ไม่รู้ จนเหตุการณ์วิกฤตแล้วถึงเริ่มออกมา และไม่มีการบัญชาการเลยเกิดข่าวลือเช่นแม่งัดจะปล่อยน้ำ ต้องตรวจสอบว่าไม่เป็นความจริง หรือแม้แต่พยายามจะตั้งศูนย์ขึ้นในวันอาทิตย์ การประสานงานก็ไม่ดี ข้อมูลก็สับสนอลหม่าน แล้วพอติดต่อได้ เจ้าหน้าที่ก็ไม่มีใครกล้าให้ข้อมูลอีก อีกอย่างพอนายกรัฐมนตรีมา เจ้าหน้าที่ต้องไปอำนวยความสะดวกอีก เกิดช่องว่างความช่วยเหลือ ชะงักไป
เหตุการณ์ลักษณะนี้หากเราไม่พูดถึงการป้องกันเพราะเป็นเหตุกะทันหัน แต่การช่วยเหลือนี่สิ ช้ามาก หรือเป็นวันหยุดเลยช่วยเหลือประชาชนกันไม่ได้ เลยทำให้ประชาชนพึ่งสื่อทุกสื่อเป็นคำตอบสุดท้าย หลายๆ สถานีหลักต้องเปิดสายให้เป็นสื่อของประชาชน