Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

คำปาฐกถาพิเศษ


การเสวนาทางวิชาการ


เรื่อง การดำเนินกระบวนยุติธรรมใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ : ปัญหาและแนวทางแก้ไข


โดย


ประธานคณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ


(นายอานันท์ ปันยารชุน)


วันที่ 24 สิงหาคม 2548


เวลา 11.30 - 12.00 น.


 


เรียน ท่านผู้ข้าร่วมเสวนา และผู้มีเกียรติทุกท่าน


 


วันนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีอีกวาระหนึ่ง ที่หลายฝ่ายได้มาร่วมกันเพื่อระดมความคิดเห็นในประเด็นสำคัญเพื่อแก้ปัญหาอันเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้โดยได้มารวมกันเสนอแนวทางและข้อคิดเห็นดีๆซึ่งจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น


 


การจัดเสวนาในครั้งนี้สืบเนื่องมาจากคณะอนุกรรมการส่งเสริมความไว้วางใจ ความยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน ซึ่งมีหน้าที่ในการวางแนวทาง กำหนดวิธีการในการสร้างความยุติธรรม ความเป็นธรรมให้เกิดขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะนำไปสู่ความไว้วางใจ ความสงบสุขที่เกิดขึ้นในสังคม ดังนั้นคณะอนุกรรมการส่งเสริมความไว้วางใจฯจึงได้มอบหมายให้คณะทำงานส่งเสริมกระบวนการยุติธรรมตามหลักนิติธรรมไปศึกษาเรื่องการดำเนินการยุติธรรมใน 3  จังหวัดชายแดนภาคใต้ : ปัญหาและแนวทางแก้ไข โดยคณะทำงานก็ได้ข้อมูลจากแหล่งต่างๆ รวมทั้งดำเนินการด้วยวิธีการต่างๆมาระยะหนึ่งจึงได้สรุปผลในเบื้องต้นเพื่อเป็นกรอบให้ทุกท่านในที่นี้ได้ช่วยกันวิพากษ์วิจารณ์ให้ข้อคิดเห็นต่างๆ ที่จะนำไปสู่การสร้างความเป็นธรรม ลดความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว หรือกำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งในช่วงเช้าที่ผ่านมาคณะผู้จัดคงได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการนำไปประมวล วิเคราะห์ และเสนอต่อคณะอนุกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ(กอส.) เพื่อเสนอต่อรัฐบาลต่อไป


 


ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น แม้ว่าจะมีสาเหตุมาจากปัญหาหลายมิติ เช่น มิติด้านประวัติศาสตร์ ด้านภาษาและวัฒนธรรม ด้านศาสนา ด้านเศรษฐกิจ ฯลฯ แต่สาเหตุสำคัญ ประการหนึ่งที่มีส่วนผลักดันให้ปัญหาใน 3 จังหวัดภาคใต้มีความรุนแรงและขยายขอบเขตมากขึ้น ก็คือ ปัญหาด้านความยุติธรรม


 


ความยุติธรรมหรือความชอบธรรมเป็นพื้นฐานสำคัญของบ้านเมือง ที่ใดขาดความยุติธรรมหรือความชอบธรรมแล้วก็ย่อมยากยิ่งที่จะทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบสุขกระบวนการยุติธรรมเป็นกลไกสำคัญที่จะนำความยุติธรรมความเป็นธรรมมาสู่สังคม หากกระบวนการยุติธรรมมีประสิทธิภาพและดำเนินการไปสอดคล้องกับหลักนิติธรรมก็ย่อมเป็นเครื่องมือที่สำคัญที่สามารถจรรโลงบ้านเมืองให้เกิดความสงบสุขได้เป็นอย่างดี


 


จากการที่ กอส. ได้มีโอกาสลงไปสัมผัสกับเหตุการณ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หลายครั้ง และจากข้อมูลหลายแห่งที่ได้รับ ผมมีข้อสังเกตเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ดังนี้


 


ประการที่หนึ่ง แม้จะเกิดสภาพปัญหาความรุนแรงที่ต่อเนื่องและขยายตัวใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งถือเป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติ ซึ่งโดยทั่วไปย่อมมีเหตุที่จะเสริมประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายให้เจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยคำนึงถึงผลกระทบของสิทธิเสรีภาพของประชาชนน้อยลงไปกว่าปกติ อย่างไรก็ตามสถานการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่สามารถนำหลักการทั่วไปดังกล่าวมาใช้ได้ทั้งหมด ทั้งนี้เพราะประชาชนส่วนใหญ่ในพื้นที่เป็นชาวมุสลิมที่มีเชื้อชาติมลายูและพูดภาษามลายูเป็นภาษาท้องถิ่นมาเป็นเวลายาวนาน และมีเป็นจำนวนมากที่รู้สึกว่าไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรมเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน การเพิ่มอำนาจให้เจ้าหน้าที่ของรัฐโดยไม่ทำความเข้าใจถึงมิติทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ภาษา และศาสนาที่เป็นลักษณะเฉพาะของพื้นที่ จึงอาจเป็นการส่งสัญญาณที่ไม่ถูกต้องและอาจส่งผลกระทบให้เหตุการณ์ลุกลามไปอีก ด้วยเหตุผลดังกล่าว ความพยายามในการดำเนินการให้กระบวนการยุติธรรมสอดคล้องกับหลักนิติธรรม จึงเป็นแนวทางที่เร่งด่วนและจำเป็นยิ่งสำหรับ 3 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งแตกต่างจากสถานการณ์รุนแรงในพื้นที่อื่นๆ


 


ประการที่สอง ด้วยสภาพปัญหาที่มีลักษณะพิเศษดังที่กล่าวมา จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องยกระดับของการดำเนินกระบวนการยุติธรรมใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นพิเศษ แม้ว่ากระบวนยุติธรรมในพื้นที่อื่นๆ จะมีปัญหาดังกล่าวดังที่ทราบกันอยู่ เช่น การที่ผู้ต้องหาถูกเจ้าหน้าที่ใช้อำนาจโดยไม่ชอบในการตรวจค้น จับกุม คุมขัง ขาดโอกาสในการประกันตัว ขาดการได้รับความช่วยเหลือทางกฎหมายที่มีประสิทธิภาพ ฯลฯ แต่สำหรับพื้นที่ภาคใต้จำเป็นต้องมีการปรับปรุงพัฒนาอย่างเร่งด่วน การดำเนินการในบางเรื่องแม้ว่าอาจจะทำให้ดูเหมือนการให้สิทธิพิเศษที่แตกต่างจากที่อื่น แต่น่าจะมองว่าเป็นความพยายามที่จะยกระดับมาตรฐานการอำนวยความยุติธรรมใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นต้นแบบก่อนที่จะขยายผลไปในจุดต่างๆทั่วประเทศ จากเหตุผลดังกล่าว ผมจึงสนับสนุนความพยายามของกระทรวงยุติธรรมที่มองปัญหาด้านความยุติธรรมของภาคใต้อย่างครบวงจรและเข้าไปดำเนินการอย่างเป็นระบบโดยมีกองทุนยุติธรรมเข้าไปช่วยเหลือเพื่อให้การดำเนินการตามเป้าหมายดังกล่าวเป็นไปได้โดยสะดวกยิ่งขึ้น


 


ประการที่สาม ผมเห็นว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมาการดำเนินการด้านการบังคับใช้กฎหมายในจังหวัดภาคใต้ยังขาดเอกภาพ และขาดการประสานงานที่ดี ผมเห็นว่าหน่วยงานทั้งหมดที่เกี่ยวข้องในการบังคับใช้กฎหมายในภาคใต้ เช่น ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร กระทรวงยุติธรรม อัยการ จำเป็นต้องมีการประสานงานกันอย่างมีเอกภาพทั้งในระดับชาติและในระดับหน่วยงานในพื้นที่ ในการดำเนินการดังกล่าวผมคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องมีการจัดตั้งเป็นหน่วยงานเฉพาะกิจด้านการบังคับใช้กฎหมายควบคูกับกรคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของการให้ความช่วยเหลือให้ความช่วยเหลือผู้ต้องสงสัย ผู้ต้องหา และจำเลยไปพร้อมๆกัน


 


ประการที่สี่ การมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นหัวใจของความสำเร็จของการบริหารงานของภาครัฐ ในส่วนของกระบวนการยุติธรรมก็เช่นเดียวกัน การส่งเสริมการมีส่วนร่วมอย่างเป็นรูปธรรมของประชาชนในขั้นตอนต่าง และในระดับต่างๆของกระบวนการยุติธรรม ตั้งแต่การเข้าไปสร้างความเข้มแข้งให้กับชุมชน และเปิดโอกาสให้ชุมชนสามารถดำเนินการแก้ปัญหาข้อพิพาท โดยใช้วิธีทางวัฒนธรรมและทางศาสนา โดยไม่ต้องนำข้อพิพาทเข้ามาในกระบวนการยุติธรรม การสร้างเครือข่ายยุติธรรมชุมชน การพัฒนากระบวนการยุติธรรมทางเลือกตามแนวทางกระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์ การปรับปรุงระบบกระบวนการยุติธรรมให้คำนึงพื้นฐานทางศาสนา ภาษา และวัฒนธรรมในพื้นที่ถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วนอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องดำเนินการ


 


ประการที่ห้า ในสภาพการของปัญหาการก่อความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่พฤติกรรมของความรุนแรงเป็นเรื่องของการก่อการร้าย การได้มาซึ่งพยานหลักฐานในการเอาผิดผู้กระทำผิด ย่อมไม่สามารถพึ่งพาพยานบุคคลได้ตราบใดที่ประชาชนส่วนใหญ่ยังมีความไว้วางใจรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ของรัฐ จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องพัฒนาระบบนิติวิทยาศาสตร์เข้ามาใช้ในการตรวจพิสูจน์พยานหลักฐานเพื่อค้นหาความจริงอย่างเร่งด่วน โดยต้องเป็นระบบที่มีประสิทธิภาพ และมีเอกภาพในการทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ ในกระบวนการยุติธรรม


 


ประการที่หก เนื่องจากสภาพความรุนแรงที่เกิดขึ้นทำให้เกิดความจำเป็นที่รัฐต้องเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อคุ้มครองผู้บริสุทธิ์และรักษาความสงบเรียบร้อยในสังคม โอกาสของการที่บังคับใช้กฎหมายจะกระทบถึงสิทธิเสรีภาพของบุคคลที่เกี่ยวข้องย่อมมีสูงขึ้นเป็นปกติธรรมดา และอันที่จริงก็อาจเป็นความพยายามของกลุ่มผู้ไม่หวังดีที่ต้องการขยายผลหรือขยายแนวร่วมในส่วนนี้ ด้วยเหตุนี้จึงมีความจำเป็นที่ต้องให้ความสำคัญในกลไกการตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐที่ไม่ถูกต้องหรือส่งผลต่อกฎหมายเกินควร เช่น การจัดตั้งหน่วยรับข้อร้องเรียนและให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ได้รับผลกระทบ การตั้งศูนย์ตรวจสอบบุคคลสูญหายเป็นต้น


 


ประการสุดท้าย เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดเรื่องหนึ่งที่มักถูกมองข้ามไป นั่นคือการพัฒนาทัศนคติและความเข้าใจของเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมายกับสถานการณ์พิเศษของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องทุกคนต้องตระหนักถึงสภาพความเป็นมาของปัญหาทั้งมิติทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ศาสนา และภาษา ของคนส่วนใหญ่ในพื้นที่ และการฝึกอบรมถึงยุทธศาสตร์สันติวิธี และการพัฒนาทัศนคติดังกล่าวถือเป็นเรื่องสำคัญเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องรีบดำเนินการอย่างเร่งด่วน


 


ที่กล่าวมาเป็นข้อสังเกตในภาพกว้างๆของทิศทางในการพัฒนากระบวนการยุติธรรมใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างเร่งด่วน ซึ่งผมเชื่อว่าจะช่วยว่าจะช่วยให้กระบวนการยุติธรรมสามารถนำมาซึ่งความเป็นธรรมอันเป็นพื้นฐานสำคัญในการแก้ปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้


 


สุดท้ายนี้ ผมขอขอบพระคุณคณะอนุกรรมการส่งเสริมความไว้วางใจ ความยุติธรรม และสิทธิมนุษยชนและคณะผู้ศึกษาวิจัยที่ได้จัดทำการศึกษา และการเสวนาทางวิชาการในวันนี้ ซึ่งทาง กอส. จะได้รวบรวมข้อเสนอแนะเพื่อนำไปเสนอต่อรัฐบาลในโอกาสต่อไปาแลนี้ ผมขอขอป็นพื้นฐานสำคัฐจากข้อมูลหลาร

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net