ศูนย์ข่าวภาคเหนือ-1 ส.ค.48  แกนนำเครือข่ายป่าชุมชน โวย "ยงยุทธ" พลิกลิ้น  เสนอร่าง พ.ร.บ.ป่าชุมชน  ต่อที่ประชุมกรรมาธิการ ห้ามชาวบ้านทำป่าชุมชนในเขตพื้นที่ป่าต้นน้ำ  ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อคนอยู่ป่าทั่วประเทศ  เนื่องจากส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ป่าต้นน้ำ ตัวแทนเครือข่ายทั่วประเทศเตรียมบุกกระทรวงทรัพยากรฯ วันที่ 3 ส.ค.นี้

นายอนันต์  ดวงแก้วเรือน  ประธานเครือข่ายป่าชุมชนภาคเหนือกล่าวว่า กรณีที่มีข่าว นายยงยุทธ  ติยะไพรัช  รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) ได้มอบหมายให้นายอภิวัฒน์  เศรษฐรักษ์  รองปลัดกระทรวง ทส.นำเรื่องไปเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมาธิการว่า ห้ามชาวบ้านทำป่าชุมชนในพื้นที่ป่าต้นน้ำนั้น  ตนเห็นว่า เป็นไปตามที่คาดการณ์เอาไว้ว่าจะต้องลงเอยอย่างนี้  ซึ่งก่อนนั้นชาวบ้านมีความมั่นใจในตัวนายยงยุทธว่าเป็นผู้ผลักดันร่าง พ.ร.บ.ป่าชุมชน  แต่มาถึงตอนนี้ ทุกคนหมดความมั่นใจ หมดศรัทธากันหมดแล้ว

"ถ้าหากรัฐบาล นักการเมือง ยังมีการยึกยักร่าง พ.ร.บ.ป่าชุมชน ไม่มีความจริงใจเช่นนี้  ตนขอเสนอให้ยก เลิก  โดยค้างร่าง พ.ร.บ.ป่าชุมชนนั้นไว้อยู่อย่างนั้น ไม่ต้องนำมาพิจารณายังจะดีกว่า แล้วเรามาต่อสู้กันด้วยการปฏิบัติจัดการป่าชุมชนกัน ระหว่างหน่วยงานของรัฐ กับชุมชนว่า ใครจะดูแลจัดการป่าได้ดีกว่ากัน  แล้วให้รัฐลงมาตรวจสอบประเมินผลดูว่า ฝ่ายใดจัดการดูแลป่ากันได้ผลมากกว่ากัน โดยทางชาวบ้านจะใช้ร่าง พ.ร.บ.ป่าชุมชน ที่ร่างกันขึ้นมาเป็นกรอบในการทำงานต่อไป" ประธานป่าชุมชนภาคเหนือกล่าว

อย่างไรก็ตาม  ประธานเครือข่ายป่าชุมชนภาคเหนือ กล่าวว่า จริงๆ แล้ว การออกกฎหมายจะสำคัญหรือไม่สำคัญนั้น ขึ้นอยู่ที่การปฏิบัติว่าทำได้จริงหรือไม่  ดังนั้นในวันที่ 3 ส.ค.นี้  ตนและตัวแทนเครือข่ายป่าชุมชนทั่วประเทศ จะเข้าพบนายยงยุทธ  ติยะไพรัช ที่กระทรวงทรัพยากรฯ เพื่อขอทราบคำชี้แจงที่ออกมาเสนออย่างนั้น  ซึ่งหากเป็นไปอย่างนี้ ก็คงจะไม่มีการประนีประนอมกันอีกแล้ว 

ด้านนายเดโช ไชยทัพ ผู้ประสานงานเครือข่ายป่าชุมชนภาคเหนือ กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.ป่าชุมชน  ถือว่าเป็นกฎหมายประวัติศาสตร์ฉบับแรก  เพราะจะเป็นกฎหมายที่มาจากประชาชนทั่วประเทศโดยตรง ที่ร่วมกันลงรายชื่อ มากกว่า 5 หมื่นราย เพื่อเสนอขึ้นมา ซึ่งเป็นการต่อสู้สั่งสมกันมายาวนานกว่า 15  ปี และกำลังจะลงตัวอยู่แล้ว แต่สุดท้ายก็ต้องมาสะดุดเพราะนายยงยุทธ ติยะไพรัช  รมว.กระทรวงทรัพยากรฯ  ทั้งที่ก่อนหน้านั้น เคยออกมาพูดรับปากกับชาวบ้านว่า จะเป็นตัวผลักดันร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวเข้าพิจารณาออกเป็นกฎหมายให้ได้

"ขณะนี้ได้แจ้งข่าวไปยังสมาชิกเครือข่ายป่าชุมชน ซึ่งมีทั้งหมดกว่า 4,000 หมู่บ้านได้รับรู้สถานการณ์ว่า ทาง ทส.กำลังดำเนินการที่อาจส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของพวกเขาโดยตรง ซึ่งทุกคนต่างแสดงความไม่พอใจเป็นอย่างมาก  หลังจากนั้น  คงจะมีการเรียกประชุมคณะกรรมการเครือข่ายป่าชุมชนทั่วประเทศกันภายในสัปดาห์นี้ เพื่อเตรียมออกมาเคลื่อนไหวผลักดันร่าง พ.ร.บ.ป่าชุมชน  ให้เกิดขึ้นต่อไป"นายเดโช  กล่าว

ทั้งนี้นายเดโชกล่าวอีกว่า  ถ้าสำรวจดูแล้วจะพบว่าในขณะนี้  มีป่าอนุรักษ์ทั้งหมดทั่วประเทศอยู่ 81 ล้านไร่ ซึ่งเป็นป่าต้นน้ำ 72 ล้านไร่  ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่อาศัยอยู่และร่วมกันดูแลพื้นที่ป่าต้นน้ำอยู่ในสถานะของป่าชุมชน  หากมีการห้ามไม่ให้ชาวบ้านเข้าไปทำป่าชุมชน  ก็จะทำให้ชาวบ้านที่อยู่ตรงนั้นได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้