นายสุพจน์ โตวิจักษ์ชัยกุล วิศวกรระดับ 9 ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันวิกฤตน้ำ กรมทรัพยากรน้ำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) ระบุว่า ความต้องการใช้น้ำในภาคอุตสาหกรรมเมื่อเทียบกับข้อมูลปริมาณน้ำต้นทุนกักเก็บในอ่างเก็บน้ำภาคตะวันออกยังไม่ถือวิกฤต เนื่องจากมีปริมาณน้ำเพียงพอสำหรับป้อนสู่ภาคอุตสาหกรรม หากแต่ขึ้นอยู่กับวิธีการบริหารจัดการน้ำ
ทั้งนี้ ผอ.ศูนย์ป้องกันวิกฤตน้ำ ยืนยันกับตัวแทนคณะอนุกรรมการลุ่มน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออก ระหว่างการสัมมนาเรื่อง "แนวทางแก้ไขปัญหาน้ำภาคตะวันออก" ซึ่งมี ดร.
ผู้เข้าร่วมประชุมซึ่งเป็นตัวแทนอนุกรรมการลุ่มน้ำกล่าวตั้งข้อสังเกตว่า สภาพพื้นที่ในแต่ละพื้นที่แต่ละลุ่มน้ำมีความแตกต่างกัน การนำข้อมูลโดยภาพรวมมาแก้ไขปัญหาพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง จึงเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะ
สม อย่างไรก็ดีผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากผอ.ศูนย์ป้องกันฯ ชี้แจงเหตุผลของภาครัฐ ก็ไม่มีเสียงคัดค้านใดๆ จากตัวแทนลุ่มน้ำฯ
นายสุพจน์ให้สัมภาษณ์ "ประชาไท" ว่า จากข้อมูลปริมาณน้ำที่มีอยู่จริงในอ่างเก็บน้ำในปีนี้ พบว่ามีปัญหาเนื่องจากปริมาณน้ำน้อยกว่าทุกปี แต่เมื่อเทียบข้อมูลการใช้น้ำกับข้อมูลปริมาณน้ำที่มีอยู่ในอ่างเก็บน้ำในเขตพื้นที่ภาคตะวันออก ทำให้ทราบว่าปัญหาไม่ได้หนักอย่างที่คิด แต่ที่ทางรัฐบาลโดย นาย
"อ่างเก็บน้ำต่างๆ ก็ยังมีน้ำก้นอ่างในส่วนที่ต่ำกว่าท่อเหลืออยู่ และเป็นส่วนที่ตะกอนไม่ได้ขึ้นมาถึงระดับนี้ ซึ่งสามารถนำไปใช้ได้ ขณะเดียวกันเมื่อดูดน้ำไปใช้ก็มีน้ำเข้ามาใหม่ เนื่องจากช่วงนี้ฝนเริ่มตกมากขึ้นและยืนยันว่าการสูบน้ำจากอ่างเก็บน้ำต่างๆ ยังไม่ต่ำกว่าระดับน้ำกักเก็บ"นายสุพจน์กล่าว
นายสุพจน์กล่าวต่อไปว่า ในขณะนี้มีการโยกย้ายน้ำในอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำมากไปสู่อ่างที่มีปริมาณน้ำน้อย เพื่อดึงเวลาให้ปริมาณน้ำมีเพียงพอถึงสิ้นเดือนส.ค. เนื่องจากหลังสิ้นเดือนนี้ปริมาณน้ำฝนจะมีมากขึ้น อย่างอ่างเก็บน้ำบางพระมีปริมาณน้ำมากก็ปล่อยมาก อย่างอ่างดอกกราย อ่างหนองปลาไหล มีปริมาณน้ำน้อยก็ปล่อยน้อย
ส่วนที่มีผู้ประกอบการบางรายและความไม่ไว้ใจในนโยบายการจัดหาแหล่งน้ำของภาครัฐนั้น ก็เป็นเพราะตื่นตระหนกเกินไป เนื่องจากได้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง แต่หลังจากที่ได้มีการนำข้อมูลดังที่กล่าวมา ชี้แจงต่อผู้ว่าการนิคมอุตสาหกรรมแล้ว ท่านก็เข้าใจและพร้อมที่จะอธิบาย ให้กับผู้ประกอบการอื่นๆ ลดความตื่นตระหนกจากข้อมูลที่ไม่เป็นจริง