ประชาไท-3 ก.ค. 48 กทม.เดินหน้ารื้อชุมชนป้อมมหากาฬ ปัดไม่เคยรับปากไม่รื้อ อ้างศาลปกปกครองสั่งต้องทำตามกฎหมาย ด้านชาวบ้านแย้ง ศาลปกครองไม่เคยสั่งไล่ชุมชน ให้ย้อนกลับไปดูสำนวนใหม่ก่อนดำเนินการ หาก กทม.ต้องการให้ออกอย่างถูกต้อง ต้องไปฟ้องให้ศาลสั่ง
|
ศ.พญ.
ทั้งนี้ รองผู้ว่าฯ กล่าวว่า เรื่องการที่ชาวบ้านอ้างว่าจะให้ชุมชนนี้เป็นบ้านมั่นคงและมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อจัดการปัญหาที่ดินนั้น ทางกทม. ชุมชนป้อมมหากาฬนั้นเลิกพูดไปเลยในเรื่องการอยู่อาศัยในพื้นที่เดิม เพราะศาลปกครองสูงสุดได้ตัดสินให้ชุมชนแพ้คดีไปแล้วและให้กทม.ย้ายชุมชนออก เนื่องจากพื้นที่ตั้งชุมชนบุกรุกโบราณสถาน
ส่วนคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาดูแลปัญหาที่ดินนั้น นางเพ็ญศรี กล่าวว่า กทม.ตั้งขึ้นเพื่อดูแลชุมชนอื่นที่มีปัญหาอีกมากมายแตกต่างกันไป ไม่ใช่สำหรับชุมชนป้อมมหากาฬ แต่ในส่วนที่กทม.ทำนี้ให้ชุมชนทำให้ได้คือการเข้าไปสำรวจ เพื่อประเมินมูลค่าในการเยียวยาด้านชาวบ้านที่ยังไม่มีที่อยู่อาศัย จะพิจารณาในเรื่องอาคารสงเคราะห์ของกทม. ให้
ด้าน นาย ธวัชชัย วรมหาคุณ ตัวแทนชาวบ้าน ชุมชนป้อมมหากาฬ เห็นแย้งว่า สิ่งที่ชาวบ้านแพ้ในศาลปกครองนั้น เป็นการฟ้องเรื่องความไม่เป็นธรรมในกฤษฎีกา ปี 2535-2539 ไม่ใช่เรื่องกรรมสิทธิ์ ในที่ดิน เนื่องจากรัฐเองเป็นผู้ใช้อำนาจอันไม่ชอบธรรมและอ้างกฤษฎีกาดังกล่าวในการไล่รื้อชุมชน จึงวอนให้ทาง กทม.ไปอ่านสำนวนที่สั่งฟ้องใหม่
"เนื้อความในกฤษฎีกามีว่า รัฐมองพื้นที่ใดเป็นสาธารณะประโยชน์ จะออกจุดสำรวจเพื่อหาว่าพื้นที่นั้นเป็นของใคร หลังจากนั้นจะใช้กฎหมายลักษณะนี้ในการบังคับซื้อ ชุมชน จำเป็นต้องขายกับรัฐ ทั้งที่ที่ดินแปลงนี้เดิมโดยมากเป็นที่ของวัด และที่พระราชทานส่วนบุคคล แต่กทม.ใช้อำนาจโดยกฤษฎีกาและบังคับซื้อ ความจริงชุมชนไม่ใช่ผู้บุกรุก แต่รัฐเป็นผู้ทำให้บุกรุก" นายธวัชชัยกล่าว
ตัวแทนชาวบ้านยังกล่าวต่อว่า หากย้อนกลับไปดูสำนวนของศาลปกครองให้ดี จะเห็นว่าศาลปกครองไม่ได้ให้อำนาจกับกทม.ในการรื้อบ้านคน ดังนั้นหากจะให้ถูกกฎหมาย กทม. ต้องไปฟ้องขับไล่ก่อน
นอกจากนี้ นายธวัชชัย ยังถามผ่านสื่อไปยัง กทม. ว่า ชุมชนป้อมมหากาฬติดปัญหาอะไร จึงไม่สามารถจัดการให้เช่าพื้นที่ได้ เพราะประชาชนเองก็ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของกทม.และไม่ขัดกับการจัดการสาธารณะประโยชน์ในเรื่องของสวนสาธารณะ ชุมชนเพียงขอปันพื้นที่ และจะจัดการดูแลสวนฯให้ ในลักษณะของงานอาสาตามหลักประโยชน์ของสาธารณะ ที่ทาง กทม. ต้องการ
นาย
สถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ซึ่งจะมีเพียงว่า ให้อธิบดีกรมศิลปากรเป็นผู้ตัดสินใจ แต่ในกรณีป้อมมหากาฬ นั้น เห็นว่า ทาง กทม. กับชุมชนได้มีข้อตกลงบางอย่างกันไปแล้วในช่วงหนึ่ง จึงไม่อยากเข้าไปก้าวก่าย
อย่างไรก็ตาม นาย
ICCROM (ศูนย์อบรมด้านอนุรักษ์ทางวัฒนธรรม)ที่ปรึกษาคณะพิจารณามรดกโลก ของยูเนสโกเอง ก็มองว่า คนอยู่กับโบราณสถานได้
ทั้งนี้ประเทศไทยเอง ก็เป็นภาคี ในกฎหลักสากลวอชิงตัน มีมติเกี่ยวกับเมืองประวัติศาสตร์ซึ่งก็ระบุชัดเจนว่าการที่คนอยู่กับโบราณสถาน เป็นการอนุรักษ์เชิงบูรณาการ ที่เน้นการจัดการบริหารไม่ใช่ความสวยงาม เพราะการที่มีคนอยู่จะเป็นการช่วยดูแลจัดการเมือง เป็นการจัดการอย่างยั่งยืน ด้าน กรมศิลปากรก็ไม่สามารถแลเองได้อย่างทั่วถึง
"ประเด็นคือการยกเลิกหลักนิติศาสตร์ มาผสมกับหลักรัฐศาสตร์ ต้องปรับหลักคิดด้านการอนุรักษ์ชุมชนเมืองใหม่ จึงจะแก้ปัญหาได้" นายรณฤทธิ์ กล่าว
เรื่องที่เกี่ยวข้อง