Skip to main content
sharethis

ประชาไท - "มีคนเปรียบว่าป่าไม่ใช่หิ้งพระที่แตะต้องไม่ได้ ผมว่าเปรียบแบบนี้ผิดมหันต์ ถ้าเราไม่ศรัทธาเรารื้อหิ้งพระได้ แต่ป่าต้นน้ำ ใครก็ตามที่ทำลาย คนทุกคนจะได้รับผลทั้งนั้น หายนะมันถ้วนหน้า" ดร.วสันต์ จอมภักดี เลขาธิการมูลนิธิธรรมนาถ และกรรมการประสานงานอนุรักษ์แม่ปิงและสิ่งแวดล้อมกล่าวแสดงความเห็นด้วยกับการที่นายอภิวัฒน์ เศรษฐรักษ์ รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เสนอห้ามจัดตั้งป่าชุมชนในพื้นที่ป่าต้นน้ำ


 


ทั้งนี้ รองปลัดทส. ได้เสนอแนวคิดดังกล่าวในที่ประชุมคณะกรรมาธิการร่วมกันเพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.ป่าชุมชน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้เครือข่ายป่าชุมชนภาคเหนือและส่วนที่สนับสนุนให้มีการทำป่าชุมชนในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ซึ่งผลักดันพ.ร.บ.ดังกล่าวมายาวนานพากันออกมาวิพากษ์วิจารณ์


 


ดร.วสันต์ กล่าวว่า การเปิดโอกาสให้มีการทำป่าชุมชนในพื้นทีป่าต้นน้ำเท่ากับเป็นการทำให้ป่าที่มีความสำคัญมากกลายเป็นพื้นที่ใช้สอยไปโดยถูกต้องตามกฎหมาย แม้จะมีกฎเกณฑ์อย่างไร หากมีการเปิดช่องคนก็พยายามจะหาประโยชน์เต็มที่


 


"ในเชิงนิเวศน์ แค่ต้นไม้ที่ล้มเพียงต้นเดียว ก็ต้องปล่อยไว้อย่างนั้น เพราะมันเป็นส่วนประกอบสำคัญในการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตอื่นๆ การสงวนป่าต้นน้ำไว้ให้สมบูรณ์ที่สุด แม้เราจะไม่ได้เก็บเกี่ยวโดยตรง แต่จะทำให้เราได้ประโยชน์จากพื้นที่ข้างล่างลงมา" เลขาธิการมูลนิธิธรรมนาถกล่าว


 


ดร.วสันต์ กล่าวต่อว่า ป่าต้นน้ำนั้นเป็นพื้นที่ป่าอุดมสมบูรณ์อยู่บนพื้นที่สูงในเขตป่าอนุรักษ์ ปัจจุบันพื้นที่ป่าต้นน้ำมีทั้งมียังสมบูรณ์อยู่ และเสื่อมสภาพแล้ว โดยส่วนที่เสื่อมโทรมต้องเร่งฟื้นฟูกลับคืนมา เพื่อความยั่งยืนของแหล่งต้นน้ำและความหลากหลายทางชีวภาพ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน ประเทศไทยมีพื้นที่ป่าอนุรักษ์อยู่ประมาณ 70 ล้านไร่ และครึ่งหนึ่งถือเป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำที่ควรดูแลรักษาไว้อย่างดี


 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net