"สิ่งที่เราน่าติดตามและเฝ้าระวังก็คือ รอยเลื่อนแขนงต่างๆ ที่อยู่ในระนาบเดียวกัน ตั้งแต่ชวา เกาะสุมาตรา อันดามัน ไปจนถึงพม่า ซึ่งล่าสุดแรงสั่นสะเทือนนั้นได้พาดผ่านตามแนวมุดยาวขึ้นมาทางเหนือ เป็นไปได้ว่า หากแนวมุดเกิดขยับขึ้นไปเชื่อมกับรอยเลื่อนสะแกงในพม่า ก็จะมีแนวโน้มเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ 8 ตามมาตราริกเตอร์ ซึ่งมีพลังมหาศาลเทียบเท่าปรมาณูเป็นพันๆ ลูก" นายอดิศร ฟุ้งขจร หัวหน้าสถานีตรวจแผ่นดินไหวเชียงใหม่ กล่าว
หลังจากที่เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาดใหญ่ เมื่อเช้าวันที่ 26 ธ.ค.2547 บริเวณตอนเหนือของเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย มีขนาดถึง 9.0 ตามมาตราริกเตอร์และล่าสุด เมื่อวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้เกิดแผ่นดินไหวขึ้นที่หมู่เกาะนิโคบาร์ ในคาบสมุทรอินเดียอีกครั้ง ซึ่งวัดแรงสั้นสะเทือนได้ 7.2 ตามมาตราริกเตอร์
นายอดิศร กล่าวว่า หลังเกิดแผ่นดินไหวที่หมู่เกาะนิโคบาร์พบว่า เพลทอินเดียได้เคลื่อนที่มาปะทะกับเพลทยูโรเซียที่อยู่แถบบ้านเรา ซึ่งจะทำให้รอยเลื่อนที่อยู่ในระนาบเดียวกันได้ปริแยกออกไปเชื่อมกับรอยเลื่อนแขนงที่แตกกระจายไปตามแนวมุด ตั้งแต่ชวา เกาะสุมาตรา อันดามันยาวไปถึงพม่า ซึ่งอาจทำให้เกิดแผ่นดินไหวตามจุดใดจุดหนึ่งได้ ซึ่งแรงสั่นสะเทือนนั้นมากน้อยเท่าใดนั้น ขึ้นอยู่กับว่าเส้นรอยเลื่อนนั้นมีระยะทางใกล้หรือไกลแค่ไหน หากเส้นรอยเลื่อนมีระยะทาง 5 กิโลเมตรขึ้นไป ก็สามารถสั่นสะเทือนได้ประมาณ 5 ตามมาตราริกเตอร์แต่ถ้ารอยเลื่อนมีความยาวถึง 1,000 กิโลเมตรขึ้นไป ก็มีโอกาสที่จะเกิดแผ่นดินไหวสูงถึง 8 ตามมาตราริกเตอร์ได้
ผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหวกล่าวต่อว่า ดังนั้นในอนาคตอาจส่งผลกระทบต่อประเทศไทย ตั้งแต่ฝั่งทะเลอันดามันทางตะวันตก ยาวไปจนถึงภาคเหนืออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะเขื่อนในประเทศที่สำคัญหลายแห่ง เนื่องจากต้องเข้าใจว่า โดยธรรมชาติแล้ว การสร้างเขื่อนนั้นหมายถึงการสร้างสิ่งก่อสร้างที่
ขวางทางน้ำ ซึ่งตั้งสมมติฐานได้เลยว่า เส้นทางน้ำนั้นก็คือเป็นแนวที่วิ่งสอดคล้องกับรอยเลื่อนแผ่นดิน
ไหวทางเดียวกันมาก่อน
"ลำห้วยลำน้ำนั้น เกิดจากการเคลื่อนที่เป็นร่องเป็นหุบเขามาก่อน ที่จะเกิดลำน้ำและเขื่อนนั้นมาทีหลัง ดังนั้นผมเชื่อว่า ที่ผ่านมาโครงสร้างของเขื่อนในประเทศนั้นมีการคำนึงถึงเรื่องแผ่นดินไหวจริง แต่ว่าในปัจจุบันเมื่อเหตุการณ์และระยะเวลาผ่านไป อาจต้องมีการหามาตรการอื่นมาเสริม เราต้องยอมรับความจริง เอาข้อมูลต่างๆ มาศึกษาและหามาตรการในการวางแผนป้องกันร่วมกัน ซึ่งจะเป็นการหาทางออกที่ดีที่สุด"
นายอดิศรยังเสนอทางออกอีกว่า วิธีการในขณะนี้ก็คือ ทุกฝ่ายต้องมาคุยกัน ไม่ใช่มาพูดใส่ร้ายกันแต่ต้องเอาข้อมูลบนพื้นฐานความจริงมาวางแผนร่วมกัน โดยควรมีการเร่งตรวจสอบโครงสร้างของเขื่อนว่ามีมาตร
ฐานแข็งแรงหรือไม่ และควรมีการติดตั้งระบบเตือนภัยในพื้นที่บริเวณที่มีเขื่อนที่อยู่ในรอยเลื่อนทั้งหมด ไม่ใช่เพียงแค่เขื่อนศรีนครินทร์ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี ซึ่งอาจต้องลงทุนสูงแต่ก็จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนไปได้และการเฝ้าระวังจะต้องมีอย่างต่อเนื่อง เพราะแผ่นดินไหวนั้นมีการเคลื่อนตัวเป็นพลวัตรต่อเนื่องอยู่แล้ว สุดท้ายที่สำคัญที่สุด จะต้องมีการวางมาตรการวางแผนเตรียมตัวอพยพประชาชนที่เสี่ยงภัยออกจากพื้นที่ให้ทัน หากเขื่อนร้าวหรือแตก
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)