ประชาไท - 5 ส.ค.48 กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา(กยศ.)- กองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาที่ผูกกับรายได้ในอนาคต(กรอ.)- กองทุนเงินให้เปล่า เริ่มใช้ปีการศึกษาหน้า หวังขยายโอกาสทางการศึกษาเต็มที่แต่เงินไม่มีพอ ผู้อำนวยการ กยศ.ยอมรับถูกหั่นงบเพียบ |
"เราตั้งสมมติฐานให้นักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 ที่กู้ยืมเงินกยศ.เดิมว่าเป็นคนจนทั้งหมดเป็นตัวตั้ง จึงได้ของบจากสำนักงบประมาณ 4,000 ล้านบาท แต่งบทุนให้เปล่าที่จะช่วยเด็กยาก จนกลับได้มาเพียง 689 ล้านบาท สำนักงบฯ ต้องเห็นใจเราด้วยเพราะเกิดปัญหาแน่นอน" ดร.เปรมประชา ศุภสมุทร ผู้อำนวยการกองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา(กยศ.) กล่าวในที่ประชุมกรรมาธิการการศึกษา ศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม วุฒิสภา วานนี้ (4 ส.ค.)
ทั้งนี้ ในปีการศึกษา 2549 จะมีการขยายกองทุนจากกยศ.เดิม เป็นกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาที่ผูกกับรายได้ในอนาคต(กรอ.) หรือไอซีแอล รวมทั้งกองทุนเงินให้เปล่าสำหรับเด็กยากจนด้วย โดยกองทุนกรอ. เปิดโอกาสให้ทุกคนไม่ว่าร่ำรวยหรือยากจนมีสิทธิกู้เฉพาะเงินค่าเล่าเรียนได้ เนื่องจากรัฐต้องการส่งเสริมให้ทำคนมีโอกาสเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาอย่างเท่าเทียมกัน และมีเงินทุนให้เปล่าสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายให้นักเรียนที่ยากจน
"เราดูแลจำนวนนักเรียนนักศึกษาที่กู้ยืมกยศ.ที่มีอยู่ในปัจจุบันไม่ได้แน่ เพราะส่วนหนึ่งงบเงินทุนให้เปล่า 689 ล้านบาท ที่ได้มาไม่พอแน่นอน เพราะเงินจำนวนนี้เท่ากับ 5% ของนักเรียนยากจนที่กู้ยืมกยศ.เท่านั้น ซึ่งเราก็อยากยืนยันตัวเลขเดิมที่ขอสำนักงบประมาณไป 4,000 กว่าล้านบาท" ดร.เปรมประชากล่าวด้วยความกังวล
ดร.
ขณะที่การประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อ 12 ก.ค. 48 เห็นชอบในหลักการ ให้งบประมาณ กรอ. จำนวน 6,380 ล้านบาทและกองทุนเงินให้เปล่าจำนวน 4,330 ล้านบาท และได้มอบหมายให้คณะผู้บริหารกยศ.เดิมดูแล
ด้าน ผอ.กยศ. อธิบายว่า ในระดับอุดมศึกษา นิสิตนักศึกษาปัจจุบันที่เรียนในปี 1-3 ยังคงให้ใช้เงินกู้จากกยศ.เช่นเดิม โดยสามารถกู้ยืมได้ทั้งค่าใช้จ่ายส่วนตัว ค่าเล่าเรียน และค่าเกี่ยวเนื่องการศึกษา ส่วนกรอ.จะเริ่มนำมาใช้กับนศ.ที่เข้าเรียนปี 1ในปีการศึกษาหน้าซึ่งคาดว่าจะมีนศ.กู้ 80% ซึ่งงบ 6,000 ล้านบาท น่าจะอยู่ในความเป็นไปได้ในการบริหาร แต่เมื่อสำนักงบประมาณให้งบเงินทุนได้เปล่ามาเพียง 689 ล้านบาท จึงไม่น่าเพียงพอสำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายและปวช.
"เราได้ของบเพิ่มเติมไปแล้ว ถ้าได้ตามที่ขอไว้ผมก็มั่นใจว่าจะสามารถให้เปล่าแก่นักเรียนระดับม.ปลายได้ แต่ตอนนี้เดือดร้อนเพราะมีเด็กอยากจนที่กู้กยศ.อยู่ และกยศ.รับรองว่าจะมีงบให้กับทุกคนจะได้ไม่เสียโอกาสการเรียนต่อในระดับอุดมศึกษา แต่ผมก็ไม่มั่นใจเรื่องงบที่จะได้เพิ่มนัก" ผอ.กยศ. กล่าว
อย่างไรก็ตาม ดร.เปรมประชากล่าวว่า ได้เตรียมการแผนสองเอาไว้แล้ว หากได้รับจัดสรรงบไม่พอ ก็ต้องหาทางดูแลให้บริหารจัดการให้ได้ สำหรับนักเรียนม.ปลาย ก็ยังคงให้กู้กยศ. ต่อ แล้วเงินทุนให้เปล่าแก่เฉพาะนักเรียนเข้าใหม่ม.4 และอาจจะต้องมีการออกพันธบัตร หรือขอเงินให้เปล่าจากกองทุนหวยบนดิน หากงบประมาณไม่เพียงพอจริงๆ
ขณะเดียวกัน ศ.ดร.บุญเสริม วีสกุล กรรมการอำนวยการปฏิรูปการเงินอุดมศึกษา อธิบายเพิ่มเติมสำหรับเงินทุนให้เปล่าว่า เนื่องมาจากพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยกำหนดเงินทุนให้เปล่าเป็นเงินจ้างให้นักศึกษาทำงาน เพื่อให้เกิดสำนึกในคุณค่าของเงินมากขึ้น
"นี่เป็นระยะเปลี่ยนผ่านกันก็คงต้องให้ผ่านไปก่อน แล้วค่อยคิดกันใหม่ การจัดการเงินขยายฐานคงต้องของบในรอบที่ 2,3 ต่อไป" ศ.ดร.บุญเสริม กล่าว
ขณะที่นายวิบูลย์ แช่มชื่น คณะกรรมาธิการการศึกษา ศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม วุฒิสภา เห็นว่า กรอ.ไม่แตกต่างกับโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค คือไม่ว่าคนรวยหรือจนก็สามารถกู้ได้หมด วิธีคิดตรงนี้น่าจะไม่ถูกต้อง จึงน่าจะมีกฎเกณฑ์ที่ชัดเจน เพราะมีเงินจำกัดไม่สารถให้กับทุกคนได้
"แทนที่จะทำแบบโครงการ 30 บาท ฯ เราต้องชัดเจนกว่านี้ จุดที่ต้องการปรับปรุงผมสนใจด้านคุณภาพมากกว่า ตอนนี้เงินมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้งบเพิ่มหลังจากมีกรอ. เพียงแต่มีการโอนเงินกู้ให้มหาวิทยาลัยเท่ากับนักศึกษาเป็นหนี้แทน เท่ากับรัฐประหยัดเงินและยังผลักภาระหนี้ให้ผู้ปกครองด้วย ผมไม่รู้ว่าในอนาคตจะเป็นอย่างไร" ส.ว. วิบูลย์ กล่าว
ขณะเดียวกัน นางอรวรรณ ชยางกูร ผู้อำนวยการจัดทำงบประมาณด้านการศึกษา สำนักงบประมาณชี้แจงว่า งบประมาณทั้งประเทศมี 1.36 ล้านล้านบาท ส่วนการทรวงศึกษาธิการ เป็นกระทรวงในลำดับแรกที่ได้รับเงินสูงสุดถ้าไม่นับงบกลาง ประมาณ 2.55 แสนหรือคิดเป็น 16.58% ซึ่งเป็นงบบุคลากรเป็นส่วนใหญ่ จึงยากที่จะจัดการงบลงทุนในด้านอื่นเพราะเพียงค่าใช้จ่ายบุคลากรอย่างเดียวประมาณ 60-70% โดยมหาวิทยาลัยมีทั้งหมด 78 แห่ง มีงบประมาณทั้งหมด 47,672 ล้านบาท
"ต่อไปกรอ.ต้องวางยุทธศาสตร์และสนับสนุนในสาขาที่ประเทศมีความต้องการมาก นั่นคือสายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อกำกับทิศทางคนของประเทศ คงเริ่มในปีต่อไปด้วยการอาศัยการพัฒนาฐานข้อมูล" นางอรวรรณกล่าว
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)