Skip to main content
sharethis

นายอัชพร จารุจินดา รองเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกากล่าวถึง การแก้ไขประกาศ ตามพระราชกำหนด(พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548ว่า ในมาตรา 12 ของ พ.ร.ก. เรื่องการจับกุม ควบคุมตัวบัญญัติว่า จะต้องร้องขอต่อศาล และเมื่อได้รับอนุญาตแล้วให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจจับกุมและควบคุมตัวได้ไม่เกิน 7 วัน และได้มีการออกประกาศเพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติตาม


 


โดยในประกาศเพิ่มเติมว่า เมื่อได้รับอนุญาตจากศาลแล้วให้พนักงานเจ้าหน้าที่จับกุม และควบคุมตัวได้ ไม่เกิน 7 วัน นับแต่วันที่ศาลอนุญาตทำให้เข้าใจว่าเมื่อศาลอนุญาตแล้วก็เข้าไปจับกุมและนำมาคุมตัวไว้ในวันเดียวกัน แต่เมื่อได้ลงไปชี้แจงให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ทำให้ทราบว่า ยังมีความไม่เข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินการตามประกาศดังกล่าวเพราะถ้าหากได้รับหมายศาลแล้วแต่ยังไม่สามารถจับกุมตัวได้ ก็จะทำให้เสียเวลาโดยระยะเวลาจะหมดก่อนที่จะมีการจับกุม


 


นายอัชพร ระบุว่า ได้นำปัญหาความไม่เข้าใจของเจ้าหน้าที่ที่เกิดขึ้นในพื้นที่มาแจ้งต่อนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีว่าจะต้องมีการแก้ไขประกาศเรื่องนี้ให้ชัดเจนขึ้นเพื่อให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่สามารถปฏิบัติงานได้ จึงแก้ไขประกาศว่า เมื่อได้รับอนุญาตจากศาลแล้วให้พนักงานเจ้าหน้าที่จับกุมและควบคุมตัวบุคคลนั้นไว้ได้ ไม่เกิน 7 วันนับแต่วันที่ศาลอนุญาตเว้นแต่ไม่อาจจับกุมในวันเดียวกับที่ศาลอนุญาตให้เริ่มนับ 7 วัน นับแต่วันที่จับกุมได้และให้นำตัวผู้ถูกจับกุม หรือควบคุมตัวไปศาลในกรณีที่ศาลมีคำสั่ง


 


ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าการออกประกาศเช่นนี้ ทำให้เจ้าหน้าที่รัฐสามารถขอหมายศาลไว้ก่อนได้หากมีข้อสงสัยและจะจับกุมเมื่อใดก็ได้นายอัชพร กล่าวว่า น่าจะเป็นไปได้ยาก เพราะเรื่องนี้ผ่านการพิจารณาของศาลแล้ว ถ้าศาลเห็นชอบให้จับกุมก็ต้องดำเนินการทันที จะทิ้งเรื่องไว้ทำไม และการที่เรากำหนดให้เจ้าหน้าที่ต้องไปขอหมายศาลก่อนนั้นเพราะต้องการให้ศาลช่วยพิสูจน์ว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้ใช้อำนาจตามอำเภอใจ สงสัยใครแล้วจะนำตัวมาเลยนั้นทำไม่ได้ ต้องมีเหตุผลและหลักฐานไปทำให้ศาลเชื่อก่อน


 


ทั้งนี้หมายจับก็มีระยะเวลาตามที่มีการกำหนดไว้ในกฎหมายไม่ใช่มีอายุตลอดไป นั่นคือมีอายุเท่ากับระยะเวลาประกาศพื้นที่สถานการณ์ฉุกเฉิน 3 เดือน ถ้าหมดระยะเวลาหมายจับนั้นก็ไม่สามารถนำไปใช้ได้ต้องมีการประชุมประเมินสถานการณ์ใหม่ว่าจะประกาศเป็นพื้นที่ฉุกเฉินอีกหรือไม่และหากจะดำเนินการจับกุมอีก ก็ต้องขออนุมัติหมายศาลใหม่


 


นายอัชพรกล่าวต่อว่า ในการควบคุมทางเจ้าหน้าที่มีความคิดจะดำเนินการเปิดโรงเรียนสันติสุขเพื่อเอาคนเหล่านั้นมาอบรม ไม่ใช้วิธีเอาเข้าคุกเพราะจะยิ่งสร้างความเกลียดชังมากขึ้นไปอีก


  

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net