ประชาไท- เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงศรีลังกาจับตัวชาวทมิฬ 12 คน ต้องสงสัยโยงใยกับการลอบสังหารรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในขณะที่กลุ่มกบฏพยัคฆ์ทมิฬอีแลมยังคงออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารดังกล่าว |
นาย
ภายหลังจากที่มีการลอบสังหารนายลักษมัน คาดีร์กามาร์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทางการศรีลังกาก็ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินทันที และมีการกองกำลังด้านความมั่นคงที่ประกอบด้วยทั้งทหารและตำรวจให้ออกล่ามือสังหารทันที ทางเจ้าหน้าที่ระดับสูงของศรีลังกาได้ออกมากล่าวเตือนว่าการสังหารในครั้งนี้จะเป็นเหตุใหญ่ที่ถอยกลับไปสู่จุดแตกหักในกระบวนการสันติภาพ ซึ่งทางกลุ่มกบฏพยัคฆ์ทมิฬอีแลม นั้นก็ได้ออกมายืนยันว่าทางกลุ่มไม่ได้อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารดังกล่าว
" การหยุดยิงเป็นเวลา 3 ปี กับกลุ่มกบฏนั้นก็ยังคงอยู่ จากด้านของเราไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เราเคารพข้อตกลงหยุดยิง" รัตนยาเคกล่าว
ทั้งนี้ กลุ่มกบฏเริ่มพยัคฆ์ทมิฬเริ่มต่อสู้มาตั้งแต่ปี 1983 เพื่อแบ่งแยกดินซึ่งเป็นส่วนที่เป็นที่อยู่ชนเผ่าทมิฬซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยโดยอ้างว่าได้รับการเลือกปฏิบัติจากชาวสิงหลซึ่งเป็นชนส่วนใหญ่ของประเทศ สงครามกลางเมืองในศรีลังกาได้คร่าชีวิตคนไปประมาณ 65,000 คน จากจำนวนประชากรของประเทศที่มี 19 ล้านคน ต่อจากนั้นประเทศนอรเวย์ก็เข้ามาเป็นตัวกลางในการเจรจาหยุดยิงในปี 2002
การเจรจาสันติภาพของทั้งสองฝ่ายต้องยุติลงเมื่อฝ่ายกบฏได้เรียกร้องที่จะปกครองตนเองในบริเวณที่เป็นเขตของตนในภาคตะวันออกและภาคเหนือของศรีลังกา
แม้ว่ารัฐบาลจะไม่มีความคืบหน้าในการที่จะทำให้มีการหยุดยิงกับกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬอีแลม แต่เจ้าหน้าที่จากทั่วโลกก็ได้สนับสนุนให้ทั้งสองฝ่ายดำเนินการกระบวนการสันติภาพต่อไปและให้เคารพข้อตกลงที่จะสงบศึกชั่วคราว
นักกฎหมายจากพันธมิตรแห่งชาติทมิฬซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่เป็นพันธมิตรกับกลุ่มกบฏกล่าวว่า การสังหารครั้งนี้เกิดขึ้นเนื่องจากกระบวนการสันติภาพนั้นนิ่งเกินไป ไม่มีความคืบหน้าใดๆ
"เรารู้สึกว่า ประเทศของเรากำลังเผชิญอยู่กับภาวะดึงเครียดที่จะเกิดสงครามมาสักระยะหนึ่งแล้ว และตอนนี้ การสังหารในคราวนี้มันจะทำให้สถานการณ์เลวร้ายมากขึ้น" คานากาลิงกาม สิไวอิลิงกาม ฝ่ายนิติบัญญัติ กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับเอพี
"รัฐบาลควรจะพยายามทุกวิถีทางเพื่อจะเริ่มการเจรจาสันติภาพอีกครั้งหนึ่งเพื่อที่จะนำสันติภาพกลับมาอย่างถาวรและยุติการฆ่าเหล่านี้เสียที"
การทำร้ายบุคคลระดับสูงได้ยุติลงหลังจากที่มีการหยุดยิงเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2002 แต่ว่ากลับเริ่มมีความตึงเครียดขึ้นระหว่างรัฐบาลกับฝ่ายกบฏเพิ่มขึ้นอีกเมื่อเร็วๆนี้ มีการโจมตีเกิดขึ้นและกระจายตัวอย่างเร็วจากพื้นที่ทางภาคตะวันออก และเป็นครั้งคราวก็ขยายเข้ามาสู่กรุงโคลัมโบ
คาดีร์กามาร์ วัย 73 ซึ่งเป็นชนชาวทมิฬซึ่งพยายามอย่างมากที่จะหยุดยั้งกลุ่มพยัคฆ์ทมิฬในฐานะองค์กรก่อการร้าย และต่อมาได้เป็นผู้ที่พยายามอย่างมากในการสร้างสันติภาพ ได้ถูกยิงที่บ้านพักของตนเองถึง 4 นัด ศีรษะและน่าอก เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาและเสียชีวิตในที่สุด
เจ้าหน้าที่ศรีลังกา ยังคงไม่เชื่อคำปฎิเสธของกลุ่มกบฎว่าไม่มีส่วนกับการสังหารดังกล่าว"ยากที่จะเชื่อคำปฏิเสธของกลุ่มกบฏ" นิมาล สิริพาลา เดอ ซิลวาโฆษกรัฐบาลกล่าวกับผู้สื่อข่าว
การประกาศภาวะฉุกเฉินโดยประธานาธิบดีจันทริดา กุมาราตุงคะ เป็นเสริมอำนาจให้เจ้าหน้าที่มีอำนาจที่จะจับกุมคุมขังผู้ต้องสงสัยว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ก่อการร้ายได้ทันทีโดยไม่ต้องมีข้อกล่าวหาและสามารถเข้าไปค้นหาหรือรื้อถอนอาคารได้
ที่มา: เอพี
http://www.tri-cityherald.com/24hour/world/story/2631849p-11114993c.html
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)