Skip to main content
sharethis

ศูนย์ข่าวภาคเหนือ-17  ส.ค.48    จากกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ  ชินวัตร  นายกรัฐมนตรี  สั่งการให้มีการรื้อฝายธรรมชาติทั้ง 3 แห่งทิ้ง  เพื่อสร้างฝายลูกยางแทน  เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมนั้น  ล่าสุด  ได้เกิดกระแสความไม่พอใจของชาวบ้านกลุ่มผู้ใช้น้ำในภาคเกษตรกรรมในเขต จ.เชียงใหม่ และลำพูนเป็นอย่างมาก  มีการพากันล่ารายชื่อคัดค้านการสั่งรื้อฝายกดดันให้ยุติ ก่อนจะทำการประท้วงใหญ่ 


 


นายชัยพันธุ์  ประภาสะวัต  ผู้อำนวยการสถาบันเพื่อสิทธิชุมชน  กล่าวว่า  เป็นเรื่องที่น่าห่วงในความเส้นตื้น  รู้เท่าไม่ถึงการณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ  ชินวัตร นายกรัฐมนตรีที่ไปสั่งการอะไรเช่นนั้น  ทั้งที่ฝายนั้นไม่ใช่สาเหตุของน้ำท่วม นายกรัฐมนตรีคนนี้  ชอบสั่งการเฉพาะหน้าในภาวะคับขัน  เพื่ออ้างความชอบธรรม  แต่ไม่เคยรู้จริง  


 


"ดังนั้นก่อนที่จะสั่งการอะไรลงไป  ควรจะศึกษาข้อมูลเสียก่อนว่า  กระทบต่อวิถีชีวิตของชาวบ้านหรือไม่  เนื่องจากว่า  ฝายธรรมชาติที่กั้นน้ำปิงทั้ง  3  แห่ง นั้น  ชาวบ้านได้ใช้กันมานานเป็นร้อยเป็นพันปีมาแล้ว  เพื่อใช้ในการทำเกษตรกรรม  และเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่ควรอนุรักษ์เอาไว้  ไม่เกี่ยวกันเลยกับกรณีน้ำท่วมเชียงใหม่  การที่คิดจะรื้อฝายเก่าแก่เช่นนี้  เชื่อว่าชาวบ้านคงไม่พอใจอย่างยิ่ง" ผู้อำนวยการสถาบันเพื่อสิทธิชุมชน กล่าว


 


ด้านนายนิคม  พุทธา  เครือข่ายทรัพยากรลุ่มน้ำแม่ปิงตอนบนกล่าวว่า จริงๆ แล้ว ฝายธรรมชาติที่กั้นลำน้ำปิงนั้นเป็นฝายไม้ตอกและหินทิ้ง ที่ไม่ได้มีเพื่อกักเก็บน้ำ แต่เป็นลักษณะที่กั้นน้ำให้สูงขึ้นเพื่อผันน้ำเข้าไปในลำเหมืองให้แก่ชาวบ้านและเกษตรกรผู้ใช้น้ำ  ดังนั้นฝายจึงไม่ใช่ตัวปัญหา  ฉะนั้นกรณีที่นายกฯ ทักษิณสั่งการให้รื้อฝายชาวบ้านทิ้งแล้วให้สร้างเขื่อนยางแทนนั้น  นายกฯ รู้ได้อย่างไรว่าจะแก้ไขปัญหาได้  เพราะฝายยางที่สร้างกั้นน้ำปิงที่ อ.เชียงดาว  ทุกวันนี้ไม่ใช้ประโยชน์อะไรเลย  แต่กลับสร้างตะกอนจนทำลำน้ำปิงตื้นเขิน


 


"ที่สำคัญ หากนายกฯ ทักษิณ คิดจะสั่งรื้อฝายทั้งหมดทิ้ง  ขอเตือนว่า ฝายเหล่านั้น ชาวบ้านได้ร่วมแรงร่วมใจกันสร้างขึ้นมาหลายชั่วอายุคน  ซึ่งอย่าลืมว่า ฝายนั้นเป็นสมบัติของหน้าหมู่ หากมีการรื้อทำลาย  ถือว่าเป็นการทำลายทรัพย์สินของชาวบ้านอาจถือว่าเป็นสั่งการที่ผิดกฎหมายได้  เพราะฉะนั้นก่อนจะสั่งรื้อฝาย  นายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นคนเมืองเหนือ ควรจะศึกษาให้ถ้วนถี่เสียก่อน " นายนิคม  กล่าว


 


ล่าสุด  มีรายงานแจ้งว่า ตัวแทนชาวบ้านในเขต อ.สารภี และกลุ่มเกษตรกรผู้ใช้น้ำของเหมืองฝายพญาคำ  ฝายหนองผึ้งและฝายท่าวังตาล ได้มีการล่ารายชื่อพร้อมกับพากันไป ณ ที่ว่าการอำเภอสารภี จ.เชียงใหม่  เนื่องจากทราบข่าวกันว่า  นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ นายพายัพ  ชินวัตร ส.ส.เชียงใหม่ มาแจกสิ่งของเครื่องใช้ให้แก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วม


 


ซึ่งหลังจากนั้น  ตัวแทนชาวบ้านได้ยื่นหนังสือคัดค้านการรื้อฝายทั้ง  3  แห่ง ผ่านนายธารินทร์  สุภาแสง  นายอำเภอสารภี  เพื่อขอให้นายกรัฐมนตรีระงับคำสั่งรื้อฝายนั้นเสีย  หากไม่เช่นนั้น  กลุ่มชาวบ้านที่ใช้น้ำจากระบบเหมืองฝายทั้งในเขต จ.เชียงใหม่และลำพูน จะพากันเดินขบวนคัดค้านกันต่อไป


 


ทั้งนี้  นายอำเภอสารภี  ได้ออกมารับหนังสือพร้อมกับชี้แจงกับชาวบ้านที่มาชุมนุมว่า  ในเร็วนี้  จะมีการเชิญตัวแทนจากกรมเจ้าท่า กรมชลประทาน  และตัวแทนชาวบ้านที่ใช้น้ำจากเหมืองฝายทั้ง  3  แห่ง  มาประชุมร่วมกันเพื่อหาทางออกกันอีกครั้ง


 


อย่างไรก็ตาม  มีชาวบ้านคนหนึ่งได้ตั้งข้อสังเกตเอาไว้ว่า  การที่มีแนวคิดที่จะรื้อฝายโบราณทั้ง  3  แห่งทิ้ง เพื่อสร้างฝายยางตรงบริเวณท่าวังตาลนั้น เป็นความพยายามของกลุ่มนักการเมืองท้องถิ่นและนัก


การเมืองที่ใกล้ชิดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ  ชินวัตร  นายกรัฐมนตรี กลุ่มหนึ่ง ที่ได้เสนอแนวคิดนี้มานานแล้ว  เนื่องจากมีการทำธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวที่อยู่ติดกับริมน้ำแม่ปิงร่วมกัน  จึงมีการพยายามผลักดัน  ท่ามกลางกระแสการคัดค้านไม่เห็นด้วยของการรื้อฝายโบราณ  เพื่อสร้างฝายยางท่าวังตาล  ซึ่งหากมีการรื้อจริง  ผู้เสียผลประโยชน์  ก็คือชาวบ้านและเกษตรกรผู้ใช้น้ำ  แต่ผู้ได้ผลประโยชน์  จะตกเป็นของกลุ่มนายทุน นักธุรกิจ และนักการเมืองทันที


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net