นายชาน เฮง วิง เอกอัครราชทูตสิงคโปร์ประจำประเทศไทย บรรยายหัวข้อ การผสมกลมกลืนทางเชื้อชาติและศาสนาในสิงคโปร์ ในการสัมมนานานาชาติ เรื่องเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับสันติภาพ ที่โรงแรมซี.เอส.ปัตตานี เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2548
ประเทศสิงคโปร์ผ่านพ้นวิกฤตต่างๆ มามากมาย เพราะความร่วมร่วมใจกับของชนเชื้อสายต่างๆ เช่น ในช่วงการปราบปรามการก่อการร้าย โดยรัฐบาลได้เข้าไปอธิบายต่อชุมชนมุสลิมตลอดว่า การก่อการร้ายเกิดจากกลุ่มคนเพียงไม่กี่คนที่สร้างปัญหา ทำให้ชุมชนมุสลิมเหล่านั้นเกิดความเข้าใจและให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
มีคนกล่าวว่าสิงโปร์อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งไม่จริง เพราะการทำเช่นนั้นจะได้ประโยชน์อะไร ประเทศสิงคโปร์ถูกล้อมรอบด้วยประเทศมุสลิม จึงไม่มีเหตุผลที่สิงคโปร์จะมีส่วนกับเหตุไม่สงบที่เกิดขึ้น แต่หากเกิดความสงบขึ้นในพื้นที่ก็น่าจะส่งผลดีต่อสิงคโปร์มากกว่า
ประเทศสิงคโปร์ใช้นโยบายที่เหมาะสมในการปกครองคนหลายเชื้อชาติ สำหรับมุสลิม เรื่องการคลุมฮิญาบ หรือ ผ้าคลุมศรีษะของสตรีมุสลิม สิงคโปร์ได้กำหนดเครื่องแบบสำหรับนักเรียนสตรีมุสลิมให้สวมฮิญาบ ส่วนนักศึกษาระดับมหาวิทยาลัยและข้าราชการไม่ได้กำหนดเครื่องแบบสำหรับสตรีมุสลิม ทุกคนมีเสรีภาพในการแต่งกาย แต่ยังมีปัญหาความชัดเจนทางกฎหมายเกี่ยวกับการโพกศรีษะของชาวฮินดู
นอกจากนี้ รัฐบาลได้กำหนดสัดส่วนผู้เข้าไปอยู่อาศัยในที่อยูอาศัยที่รัฐสร้างให้โดยจะต้องไม่อยู่เฉพาะกลุ่มเชื่อชาติเดียว แต่ต้องอยู่อย่างหลากหลายเชื้อชาติ โดยให้มีทั้งเชื้อสายมาเลย์ จีนและอินเดีย สิงคโปร์ได้กำหนดภาษาราชการ 4 ภาษา คือ ภาษามลายู จีน อังกฤษ และทมิฬ แต่ในทางปฏิบัติ การสื่อสารระหว่างชนเชื้อสายต่างๆ มักใช้ภาษาอังกฤษ แต่เพลงชาติของสิงโปร์ใช้ภาษามลายู รัฐไม่ได้กีดกันการดำรงตำแหน่งทางการเมืองและราชการของชนเชื้อสายต่างๆ แต่จะพิจารณาที่คุณสมบัติที่เหมาะสมกับตำแหน่งและความรู้ความสามารถของแต่ละคนมากกว่า