Skip to main content
sharethis

นายพีรยศ ราฮิมมูลา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) กระทรวงยุติธรรม ขออนุมัติจากศาลอาญากรุงเทพ ออกหมายจับนายรอมลี อุตรสินธุ์ พี่ชายของนายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ อดีต สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนราธิวาส พรรคไทยรักไทย กับพวก ข้อหามีส่วนร่วมปลุกปั่นยุยง สนับสนุน และอยู่เบื้องหลังการก่อความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ ว่า จะนำประเด็นดังกล่าวเข้าหารือกับ ส.ส.ในพรรค ว่าจะนำไปอภิปรายในสภาฯ หรือไม่


นายพีรยศกล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในภาคใต้ ส่วนหนึ่งเกิดจากการใส่ร้ายป้ายสีกันกันเองของคนในพื้นที่ มีความอิจฉากันในหมู่นักธุรกิจด้วยกัน แล้วรายงานในทางที่เสียหายต่อเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งนายรอมลีเองก็เคยเป็นนักธุรกิจมาก่อน ฝ่ายรัฐเองก็ไม่ทราบว่ามีการตรวจสอบข้อมูลมากน้อยเพียงใดก่อนที่จะออกหมายจับ


นายพีรยศ กล่าวอีกว่า ที่น่าสังเกตคือเหตุการณ์ไม่สงบเกิดขึ้นมาเกือบ 2 ปีแล้ว ทำไม่เพิ่งออกหมายจับ เรื่องนี้ต้องระวังความรู้สึกของประชาชนด้วย ต้องตรวจสอบให้แน่ชัด มิฉะนั้นจะทำให้ประชาชนเสียความรู้สึกได้ ขณะที่ราชการเองก็เสียหาย อีกทั้งยังเป็นการผลักให้คนกลุ่มหนึ่งต้องเข้าสูขบวนการไปด้วย


นายพีรยศ กล่าวต่อว่า การขอออกหมายจับครั้งนี้จะเหมาะสมหรือไม่ ต้องแยะแยะให้ชัดว่า หากจับกุมตัวมาแล้วเหตุการณ์สงบลง ต้องตรวจสอบให้ได้ว่าเกิดจากอะไร หรือจับมาแล้วเหตุการณ์ยังรุนแรงอยู่เป็นเพราะอะไร เป็นการจับแพะมาสังเวยการกระทำของใครบางคนหรือไม่ ต้องมองให้รอบด้าน อย่างกรณีที่มีกลุ่มที่อ้างว่าเป็นกลุ่มมูญาฮีดีน อิสลามปัตตานี ทิ้งใบปลิวระบุว่า การห้ามประชาชนออกมาทำงานในวันศุกร์ไม่ใช่การกระทำของกลุ่ม แล้วใครเป็นผู้กระทำ เพราะฉะนั้นต้องตั้งข้อสังเกตให้รอบด้านมากกว่านี้


นายพีรยศ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมามีการจับชาวบ้านหลายคนโดยคิดว่าจะทำให้เหตุการณ์ยุติ แต่ก็ไม่ใช่ อย่างไรก็ตามก็ต้องให้โอกาสเจ้าหน้าที่ได้ทำงานต่อไป แต่ไม่ใช่ปล่อยให้เกิดความผิดพลาดบ่อย อย่างกรณีการจับนายแพทย์แวมาหะดี แวดาโอ๊ะ อดีตแพทย์ประจำโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ที่เกิดปัญหาตามมามากมาย


นายพีรยศ กล่าวอีกว่า จะมีผลทางการเมืองหรือไม่นั้น ไม่มีผลมากนักแต่จะกระทบบ้างเล็กน้อย อย่างที่นายบูราฮานุดิง อุเซ็ง อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดยะลา พรรคไทยรักไทยที่ออกมาระบุว่า การขอหมายจับพี่ชายนายอารีเพ็ญ เป็นการดิสเครดิตกลุ่มวาดะห์ เนื่องจากนายอารีเพ็ญ กำลังจะส่งภรรยาลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาของจังหวัดนราธิวาส แต่ตนว่าการจะได้รับเลือกตั้งหรือไม่ขึ้นอยู่กับความศรัทธาและความจริงใจของผู้นั้นมากกว่า สื่อเองก็ไม่ทราบเช่นกันว่าเหตุใดจึงต้องโยงว่าเป็นพี่ชายของนายอารีเพ็ญ ทั้งที่การทำความผิดก็เป็นเรื่องของแต่ละคน


นายพีรยศ กล่าวต่อว่า ส่วนจะมีผลต่อการแก้ปัญหาของรัฐบาลหรือไม่นั้น ต้องดูที่ว่าประชาชนให้ความศรัทธาและเชื่อมั่นต่อรัฐบาลและกลไกของรัฐมากน้อยแค่ไหน และการที่รัฐบาลออกมาระบุว่าประชาชนให้ความร่วมมือกับทางราชการมากขึ้นนั้น มีอะไรเป็นหลักฐานมายืนยัน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net