Skip to main content
sharethis

ประชาไท—24 ส.ค. 48      สภาทนายความลงพื้นที่สำรวจบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน  เขต อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี  หวังเจาะกลุ่มคนตกสำรวจที่ยังไม่มีเลขประจำตัว 13 หลัก  ขานรับการจัดระเบียบคนไร้สัญชาติภายใต้ยุทธศาสตร์ล่าสุด 


 


วานนี้(23 ส.ค.)  สภาทนายความลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับกลุ่มผู้นำชาวบ้าน  โรงเรียน  และส่วนราชการ ในเขตอ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี หลังจากเดินทางไปในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ เนื่องจากจะดำเนินการสำรวจบุคคลในยุทธศาสตร์และแนวปฏิบัติในการสำรวจบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน  ตามกรอบ  "ยุทธศาสตร์การจัดทำปัญหาสถานะและสิทธิมนุษยชน"  ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 ม.ค. 48


 


นายสุรพงษ์  กองทันทึก  รองประธานอนุกรรมการสิทธิมนุษยชน  ด้านชนชาติ  ผู้ไร้สัญชาติ  แรงงานข้ามชาติ  และผู้พลัดถิ่น  สภาทนายความ  กล่าวว่า  ขณะนี้มีบุคคลหลายหมื่นคนโดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม  คือ  กลุ่มที่ได้สัญชาติไทยแล้ว  กลุ่มคนต่างด้าว  และกลุ่มที่ยังไม่ชัดเจน  ซึ่งกลุ่มนี้มีอยู่เป็นจำนวนมากและมีมานานแล้วแต่ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ


 


"เมื่อก่อนเจ้าหน้าที่ไม่อยากดูแลคนเหล่านี้มากนัก เนื่องจากปัญหาเรื่องความมั่นคง  แต่เมื่อทะลักมามากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป จึงทำให้ทางการต้องการข้อมูลคนเหล่านี้มากขึ้น  ตอนนี้เราจึงต้องการเอาคนที่ไม่มีฐานะทางทะเบียนมาไว้บนดินให้หมด โดยให้สภาความมั่นคงแห่งชาติดูแลเรื่องนี้"  นายสุรพงษ์  กล่าว


 


สำหรับยุทธศาสตร์เพื่อบุคคลตกสำรวจนี้จะมีผลให้กลุ่มที่มีเชื้อสายไทยในรุ่นพ่อแม่นั้น  จะถือเป็นคนต่างด้าวส่วนลูกจะได้รับสัญชาติไทย และหากไม่มีเชื้อสายไทยแต่อพยพเข้ามาเกิน 10 ปี  พ่อแม่ก็จะถือเป็นคนต่างด้าวที่เข้าเมืองถูกกฎหมาย  และถือบัตรต่ออีก 5 ปี ก็จะสามารถขอสัญชาติไทยได้  ส่วนลูกก็จะได้รับสัญชาติไทย


 


รองประธานอนุกรรมการสิทธิฯ สภาทนายความ  กล่าวต่อไปว่า  "โดยยุทธศาสตร์ใหม่นี้จะสำรวจให้ขึ้นทะเบียนแก่คนทั่วๆ ไป ก่อนเพราะเราเชื่อว่าเป็นคนดีและมีมากกว่าคนไม่ดี  ซึ่งหากพบว่าเขาไม่ดีจึงค่อยถอดถอนทีหลัง  ซึ่งจำเป็นต้องตรวจคุณสมบัติให้ถูกต้องมาก่อนหน้านี้และผู้สำรวจจะต้องรับผิดชอบด้วย"


 


ขณะนี้  ในกลุ่มเด็กและบุคคลที่เรียนอยู่ในสถานศึกษาของประเทศไทยแต่ไม่มีสถานะที่ถูกต้องตามกฎหมาย  ครูในโรงเรียนได้สำรวจเพื่อขึ้นทะเบียนแล้วซึ่งมีกำหนดเสร็จสิ้นเดือนนี้  ส่วนกลุ่มบุคคลอีก 5 กลุ่มจะมีการดำเนินการสำรวจต่อไป


 


"ตอนนี้ชาวบ้านมีความตื่นตัวดี  โดยเราจะเอาข้อมูลมาตรวจสอบกับข้อมูลทางคอมพิวเตอร์กับทางการ  หากพบว่ามีชื่ออยู่แล้วก็ต้องให้เขาแสดงตัว  และคัดชื่อออกจากกลุ่มบุคคลไร้สัญชาติ และบางคนอาจได้สัญชาติไทยแล้วแต่ไม่รู้ตัว  ก็จะให้เขาย้ายมาอยู่ในทะเบียนบ้านที่เป็นจริง  หากตรวจสอบแล้วไม่เคยมีชื่อในฐานข้อมูล  ก็จะนำเข้าสู่ยุทธศาสตร์  และให้มีบัตรประจำตัวผู้ไม่มีฐานะทางทะเบียนต่อไป"  นายสุรพงษ์  อธิบาย


 


อย่างไรก็ดี หากบุคคลได้จดทะเบียนแล้วก็จะได้รับสิทธิทางการศึกษา  การรักษาพยาบาล  การย้ายที่อยู่  การแจ้งเกิดแจ้งตาย  และการได้สิทธิคุ้มครองตามกฎหมายทั่วไป  ทั้งยังอาจจะยังมีนโยบายอนุญาตให้อยู่ชั่วคราวในประเทศไทยไปเรื่อยๆ   ขณะที่  หากพิสูจน์พบว่ามีคนที่เพิ่งย้ายเข้ามาประเทศไทยหลังจากสำรวจเสร็จสิ้น  ก็อาจจะถูกผลักดันออกไป ซึ่งจำเป็นต้องมีกระบวนการกลั่นกรองที่รัดกุมต่อไป 


 


ขณะเดียวกัน  นายวุฒิ  บุญเลิศ  ประธานประชาคม อ.สวนผึ้ง กล่าวว่า   เพื่อไม่ให้ชาวบ้านตกสำรวจอีก  แผนการดำเนินการในคราวนี้จะให้ทั้งกำนัน  ผู้ใหญ่บ้านและประชาคมหมู่บ้าน  พบปะกับชาวบ้านทุกเดือน เพื่อทำความเข้าใจและประชาสัมพันธ์ให้ทราบโดยทั่วกัน    เนื่องจากที่ผ่านมามีบทเรียนว่ามีชาวบ้านยังตกสำรวจอยู่อีกมาก


 


"ก็ต้องฝากกลุ่มผู้นำทั้งกำนัน  ผู้ใหญ่บ้านและประชาคมหมู่บ้านด้วย  เพราะเขาอยู่ในพื้นที่ จึงต้องดูว่าผู้นำชุมชนเหล่านี้ให้ความร่วมมือมากแค่ไหน  ที่จะกลั่นกรองบุคคลเข้าสู่กระบวนการเก็บข้อมูลสำรวจในครั้งนี้ เพื่อไม่ให้มีความขาดตกบกพร่องเกิดขึ้นอีก"  นายวุฒิ  ระบุ


 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net